สศค. เผยเศรษฐกิจเดือนพ.ย. 67 ลงทุนยังชะลอตัว จับตาภาคผลิตอุตฯ ใกล้ชิด

สศค. เผยเศรษฐกิจเดือนพ.ย. 67 ลงทุนยังชะลอตัว จับตาภาคผลิตอุตฯ ใกล้ชิด

สศค. รายงานเศรษฐกิจการคลังเดือนพ.ย.67 พบการลงทุนมีสัญญาณชะลอตัว ชี้ยังต้องจับตาภาคผลิตอุตสาหกรรมที่จะส่งผลต่อการฟื้นตัวเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง เปิดเผยภาวะเศรษฐกิจการคลังประจำเดือนพ.ย. 2567 ว่า สถานการณ์เศรษฐกิจไทยในเดือนพ.ย. 2567 ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการส่งออกสินค้าและการท่องเที่ยวที่ขยายตัวต่อเนื่อง สอดคล้องกับการบริโภคภาคเอกชนที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ 

อย่างไรก็ดี การบริโภคภาคเอกชนในหมวดสินค้าคงทนยังคงชะลอตัว รวมทั้งยังคงต้องติดตามผลกระทบจากปัญหาอุทกภัยในหลายพื้นที่ของภาคใต้ รวมถึงสถานการณ์ของภาคการผลิตอุตสาหกรรมที่จะส่งผลต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยอย่างใกล้ชิดต่อไป

ในด้านเสถียรภาพเศรษฐกิจยังอยู่ในเกณฑ์ดี สะท้อนจากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนพ.ย. 2567 อยู่ที่ 0.95% ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.80% ส่วนสัดส่วนหนี้สาธารณะ ณ สิ้นเดือนต.ค. 2567 อยู่ที่ 64.0% ต่อ GDP ซึ่งยังอยู่ภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลังที่ตั้งไว้ตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 

สำหรับเสถียรภาพภายนอกยังอยู่ในระดับที่มั่นคง และสามารถรองรับความเสี่ยงจากความผันผวนของเศรษฐกิจโลกได้ สะท้อนจากทุนสำรองระหว่างประเทศ ณ สิ้นเดือนพ.ย. 2567 ยังคงทรงตัวอยู่ในระดับสูงที่ 237.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

ทั้งนี้ เครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการบริโภคภาคเอกชน มีสัญญาณปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยภาษีมูลค่าเพิ่ม ณ ระดับราคาคงที่ ในเดือนพ.ย. 2567 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน 1.8% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 0.6% 

ซึ่งสอดคล้องกับดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค ในเดือนพ.ย. 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 56.9 จากระดับ 56.0 ในเดือนก่อน เนื่องจากได้รับปัจจัยสนับสนุนจากโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ และการขยายตัวต่อเนื่องของภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว ขณะที่รายได้เกษตรกรที่แท้จริง ในเดือนพ.ย. 2567 เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 8.0% 

อย่างไรก็ดี การบริโภคหมวดสินค้าคงทนในหมวดยานยนต์ยังคงชะลอตัว สะท้อนจากปริมาณรถยนต์นั่งจดทะเบียนใหม่ในเดือนพ.ย. 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -30.1% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -0.9% 

ขณะที่ปริมาณรถจักรยานยนต์จดทะเบียนใหม่ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -4.5% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -0.1%

สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจด้านการลงทุนภาคเอกชน มีสัญญาณชะลอตัว โดยการลงทุนภาคเอกชนในหมวดเครื่องมือเครื่องจักร สะท้อนจากปริมาณการนำเข้าสินค้าทุน ในเดือนพ.ย. 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -5.1% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -6.4% 

โดยปริมาณรถยนต์เชิงพาณิชย์จดทะเบียนใหม่ ในเดือนพ.ย. 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -20.7% และลดลงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -5.6% 

สำหรับการลงทุนภาคเอกชนในหมวดการก่อสร้าง สะท้อนจากปริมาณจำหน่ายปูนซีเมนต์ภายในประเทศ ในเดือนพ.ย. 2567 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 17.8% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 0.2% 

ขณะที่ภาษีจากการทำธุรกรรมอสังหาริมทรัพย์ ในเดือนพ.ยง 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อน -0.6% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -4.5%

สำหรับมูลค่าการส่งออกสินค้าขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยมูลค่าการส่งออกสินค้ารวมในรูปเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ ในเดือนพ.ย. 2567 อยู่ที่ 25,608.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 8.2% 

ทั้งนี้ หากพิจารณาเฉพาะมูลค่าการส่งออกสินค้าที่ไม่รวมน้ำมันและสินค้าที่เกี่ยวเนื่อง ทองคำ และยุทธปัจจัย พบว่า ขยายตัว 7.0% ตามการขยายตัวของสินค้าในหมวดเครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 40.8% เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 35.8% และเครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 16.7% 

นอกจากนี้ ผลไม้สด แช่เย็น แช่แข็งและแห้ง ขยายตัว 44.8% อาหารสัตว์เลี้ยง 18.1% และยางพารา 14.1% อย่างไรก็ดี การส่งออกน้ำตาลทราย ข้าว และผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังปรับตัวลดลง 

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณามูลค่าการส่งออกสินค้า โดยจำแนกเป็นรายตลาดคู่ค้าหลักของไทย พบว่า ปรับตัวเพิ่มขึ้นในตลาดอินเดียขยายตัว 31.6% อินโดจีน (4) 21.0% จีน 16.9% และสหรัฐฯ 9.5% อย่างไรก็ดี มูลค่าส่งไปตลาดญี่ปุ่นหดตัว 3.7% และฮ่องกงหดตัว 9.9% 

สำหรับเครื่องชี้เศรษฐกิจไทยด้านอุปทาน โดยเฉพาะบริการด้านการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยภาคบริการด้านการท่องเที่ยว ในเดือนพ.ย. 2567 มีนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยรวม จำนวน 3.15 ล้านคน คิดเป็นอัตราการขยายตัวต่อเนื่องจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 19.5% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 4.1% โดยส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน มาเลเซีย อินเดีย เกาหลีใต้ และรัสเซีย 

ขณะที่ภาคการเกษตร สะท้อนจากดัชนีผลผลิตสินค้าเกษตร ในเดือนพ.ยง 2567 ขยายตัวจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ 1.3% และเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ 0.5% ตามการเพิ่มขึ้นในหมวดพืชผลสำคัญ อาทิ ข้าว และมันสำปะหลัง เป็นต้น อย่างไรก็ดี ผลผลิตยางพาราและปาล์มน้ำมัน ลดลงจากเดือนก่อน 

สำหรับภาคอุตสาหกรรม สะท้อนจากดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม ในเดือนพ.ย. 2567 ลดลงจากช่วงเดียวกันปีก่อนที่ -3.6% และลดลงเมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้าหลังขจัดผลทางฤดูกาลที่ -2.3% อย่างไรก็ดี ดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม ในเดือนพ.ย. 2567 ปรับตัวเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 91.4 จากระดับ 89.1 ในเดือนก่อนหน้า 

โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจาก 1.ผู้ประกอบการเร่งผลิตสินค้าตามคำสั่งซื้อในประเทศและต่างประเทศที่เพิ่มขึ้นเพื่อจำหน่ายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปี 

2. โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ปี 2567 ผ่านผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและคนพิการ และ 3. ภาคการท่องเที่ยวขยายตัวต่อเนื่อง