เงินเฟ้อเดือนธ.ค.67  สูงขึ้น 1.23% เฉลี่ยทั้งปี สูงขึ้น 0.40%

เงินเฟ้อเดือนธ.ค.67  สูงขึ้น 1.23% เฉลี่ยทั้งปี สูงขึ้น 0.40%

พาณิชย์ เผย น้ำมัน - อาหาร - เครื่องดื่ม ดันเงินเฟ้อ ธ.ค. ปี 2567 สูงขึ้น 1.23% บวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 เฉลี่ยทั้งปี สูงขึ้น 0.40% คาดเงินเฟ้อ ปี 2568  อยู่ที่ 0.3-1.3% ค่ากลาง 0.8%

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เงินเฟ้อเดือนธ.ค.2567 เท่ากับ 108.28 สูงขึ้น 1.23%  เป็นบวกต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 9 ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน เมื่อหักอาหารสด และพลังงานออก สูงขึ้น 0.79%

โดยปัจจัยหลักมาจากการสูงขึ้นของราคาน้ำมันเชื้อเพลิง เป็นผลจากฐานราคาต่ำในปีก่อน รวมถึงราคาสินค้าในกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่มปรับตัวสูงขึ้นจากราคาผลไม้สด เครื่องประกอบอาหาร และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สำหรับราคาสินค้า และบริการอื่นๆ ส่งผลกระทบต่อภาวะเงินเฟ้อไม่มากนัก

ทั้งนี้เงินเฟ้อในเดือนธ.ค. ปี 2567  สูงขึ้น 1.23%  มาจากหมวดอาหาร และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ สูงขึ้น 1.28% จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ กลุ่มผลไม้สด เช่น เงาะ มะม่วง กล้วยน้ำว้า ทุเรียน แตงโม สับปะรด กล้วยหอม กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ เช่น กาแฟผงสำเร็จรูป น้ำอัดลม กาแฟ (ร้อน/เย็น)) กลุ่มเครื่องประกอบอาหาร เช่น มะพร้าว (ผลแห้ง/ขูด) ซอสหอยนางรม น้ำพริกแกง กลุ่มข้าว แป้ง และผลิตภัณฑ์จากแป้ง (ข้าวสารเจ้า ข้าวสารเหนียว ขนมอบ) กลุ่มอาหารสำเร็จรูป (ข้าวราดแกง กับข้าวสำเร็จรูป อาหารเช้า) และกลุ่มเนื้อสัตว์ เป็ด ไก่ และสัตว์น้ำ (ปลานิล กุ้งขาว ปลาทูนึ่ง ปลาทับทิม)

อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ ผักสด (พริกสด มะเขือเทศ มะนาว ผักคะน้า กะหล่ำปลี ผักกาดขาว ผักชี) ไข่ไก่ เนื้อสุกร ไก่ย่าง นมเปรี้ยว น้ำมันพืช และอาหารโทรศัพท์สั่ง (Delivery) เป็นต้น

เงินเฟ้อเดือนธ.ค.67  สูงขึ้น 1.23% เฉลี่ยทั้งปี สูงขึ้น 0.40%

ส่วนหมวดอื่นๆ ที่ไม่ใช่อาหาร และเครื่องดื่ม สูงขึ้น 1.21%  จากการสูงขึ้นของราคาสินค้าสำคัญ โดยเฉพาะน้ำมันเชื้อเพลิง อาทิ น้ำมันดีเซล แก๊สโซฮอล์ น้ำมันเบนซิน นอกจากนี้ ค่ากระแสไฟฟ้า ค่าเช่าบ้าน ค่าโดยสารเครื่องบิน ค่ารถรับ-ส่งนักเรียน และค่าบริการส่วนบุคคล (ค่าแต่งผมบุรุษ และสตรี) ปรับสูงขึ้นเช่นกัน

ขณะที่ยังมีสินค้าสำคัญหลายรายการที่ราคาลดลง อาทิ ของใช้ส่วนบุคคล (แชมพู สบู่ถูตัว) สิ่งที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด เช่น ผงซักฟอก น้ำยาซักแห้ง น้ำยาล้างห้องน้ำ และเสื้อผ้า (เสื้อยืดบุรุษ และสตรี เสื้อเชิ้ตบุรุษ และสตรี กางเกงขายาวบุรุษ และสตรี) เป็นต้น

อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ ข้อมูลล่าสุดเดือนพ.ย.2567 พบว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปของไทยสูงขึ้น 0.95%  ซึ่งยังคงอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีอัตราเงินเฟ้อต่ำ โดยอยู่ระดับต่ำอันดับ 19 จาก  129 เขตเศรษฐกิจที่ประกาศตัวเลข และต่ำเป็นอันดับ 2 ในกลุ่มประเทศอาเซียนจาก 8 ประเทศที่ประกาศตัวเลข ประกอบด้วยบรูไน อินโดนีเซีย สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม สปป.ลาว

 

นายพูนพงษ์ กล่าวว่า สำหรับเงินเฟ้อเฉลี่ยทั้งปี 2567 สูงขึ้น 0.40% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่คาดไว้ว่าเงินเฟ้อจะอยู่ที่ 0.2-0.8% ค่ากลาง 0.5%  โดยมีสาเหตุหลักจากการสูงขึ้นของราคาสินค้าในกลุ่มอาหาร และเครื่องดื่ม โดยเฉพาะอาหารสำเร็จรูป ผลไม้สด และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ อย่างไรก็ตาม มีสินค้าสำคัญที่ราคาลดลงจากมาตรการช่วยเหลือค่าครองชีพของภาครัฐ ได้แก่ ค่ากระแสไฟฟ้า และน้ำมันดีเซล สำหรับไตรมาสที่ 4 ปี 2567

แนวโน้มเงินเฟ้อเดือนม.ค.2568 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.25% และไตรมาส 1 ปี 2568 เฉลี่ยจะสูงกว่า 1% ส่วนไตรมาส 2 และ 3 จะลดลงไม่น่าถึง 1% จากนั้นจะกลับมาสูงขึ้นในระดับ 1% ขึ้นไปในไตรมาสที่ 4 คาดเงินเฟ้อทั้งปี 2568 จะอยู่ระหว่าง 0.3-1.3% ค่ากลาง 0.8%  ซึ่งเป็นอัตราที่สอดคล้องกับสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน ภายใต้สมมติฐานจากอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ 2.3-3.3% น้ำมันดิบดูไบเฉลี่ย 70-80 ดอลลาร์ ต่อบาร์เรล และอัตราแลกเปลี่ยน 34-35 บาทต่อดอลลาร์

โดยมีปัจจัยที่สนับสนุนให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปปรับสูงขึ้น ประกอบด้วย  เศรษฐกิจไทยปี 2568 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากปี 2567 ทั้งการขยายตัวของการลงทุน และการบริโภคภาคเอกชน รวมถึงแนวโน้มนักท่องเที่ยวที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง ให้อุปสงค์ต่อสินค้า และบริการปรับตัวเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันดีเซลในประเทศที่กำหนดเพดานไม่เกิน 33 บาทต่อลิตร ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยในไตรมาสที่ 1 และ 2 ของปี 2567

ขณะที่ปัจจัยที่กดดันให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปลดลง ประกอบด้วย ภาครัฐมีแนวโน้มดำเนินมาตรการช่วยเหลือลดภาระค่าครองชีพอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการปรับลดค่าไฟฟ้าและการตรึงราคาก๊าซ LPG   ฐานราคาผักและผลไม้สด ปี 2567 อยู่ในระดับสูง ซึ่งเป็นผลจากสถานการณ์เอลนีโญ และลานีญา ขณะที่ในปี 2568 คาดว่าสถานการณ์ดังกล่าวจะไม่รุนแรง และส่งผลกระทบต่อราคาไม่มากนัก และการชะลอตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ และการจำหน่ายรถยนต์ภายในประเทศ จะส่งผลให้ค่าเช่าบ้าน และราคารถยนต์เพิ่มขึ้นอย่างจำกัด

ทั้งนี้ หากสถานการณ์เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ กระทรวงพาณิชย์จะมีการทบทวนตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอีกครั้ง

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์