จับตากฎหมายสำคัญ 6 ฉบับ 'คลัง' เตรียมเสนอเข้าสภาฯ ปี 68

จับตากฎหมายสำคัญ 6 ฉบับ 'คลัง' เตรียมเสนอเข้าสภาฯ ปี 68

กระทรวงการคลัง เตรียมเสนอ 6 ร่างกฎหมายสำคัญ ต่อที่ประชุมสภาฯ ในปี 2568 เดินหน้าแผนขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ดึงเม็ดเงินลงทุนใหม่

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในปี 2568 กระทรวงการคลัง เตรียมผลักดัน ร่างกฎหมาย 6 ฉบับ เข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเดินหน้าแผนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจตามที่รัฐบาลได้ประกาศนโยบาย รวมทั้งปลดล็อกข้อจำกัดเพื่อดึงดูดเม็ดเงิน และการลงทุนใหม่ ประกอบด้วย

1.ร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. ....

หลังจากได้ปรับปรุงแก้ไขร่าง พ.ร.บ. ตามที่ได้เปิดรับฟังความคิดเห็นจากประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยเตรียมเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบ จากนั้นจะส่งไปที่กฤษฎีกา 

โดยจะมีการตั้งคณะทำงานเพื่อตรวจสอบเรื่องข้อกฎหมายเพื่อให้การดำเนินงานเป็นไปตามกรอบ และไม่ขัดต่อกฎหมาย รวมทั้งมีอำนาจในการขับเคลื่อนโครงการ
 

ทั้งนี้ กฎหมายดังกล่าวจะนำไปสู่การลงทุนใหม่สร้างเม็ดเงินเพิ่มให้ประเทศ สำหรับพื้นที่กาสิโนที่อยู่ในเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ นั้นคิดเป็นเพียง 10% ของพื้นที่ทั้งหมด​

โดยจากผลการศึกษาพบว่า ประโยชน์ที่จะเกิดในช่วงการลงทุน จะมีผลกับ GDP ราว 0.2% และหลังจากดำเนินโครงการแล้ว จะส่งผลดีกับการท่องเที่ยว และการบริโภคอีกไม่ต่ำกว่า 0.7% โดยเมื่อกฎหมายดังกล่าวผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้วจะมีขั้นตอนที่เสนอต่อสภาฯ ต่อไป 

2. ร่างแก้ไข พ.ร.บ.กองทุนการออมแห่งชาติ (กอช.) พ.ศ....

เพื่อเดินหน้าโครงการสลากออมทรัพย์เพื่อการเกษียณ หรือ หวยเกษียณ ซึ่งเป็นกลไกใหม่ที่จูงใจให้เกิดการออมภาคสมัครใจ สำหรับกลุ่มแรงงานนอกระบบ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และผู้ประกันตนมาตรา 40 

โดยจะเป็นการขายสลากขูดดิจิทัล ราคาใบละ 50 บาท ผ่านแอปพลิเคชัน กอช. จำกัดเดือนละไม่เกิน 3,000 บาท และจะมีการจับรางวัลทุกวันศุกร์ แบ่งเป็นรางวัล 1,000,000 บาท 5 รางวัล และ 1,000 บาท 10,000 รางวัล

ทั้งนี้ หากถูกรางวัลสามารถรับเงินได้ทันที ส่วนเงินที่ซื้อสลากทุกบาทจะถูกเก็บไว้ในบัญชีเงินออมส่วนบุคคลผ่าน กอช. และจะสามารถถอนคืนได้ตอนอายุ 60 ปี และสำหรับผู้ที่อายุมากกว่า 60 ปี ก็สามารถซื้อได้โดยมีเงื่อนไขต้องฝากครบ 10 ปี จึงจะถอนเงินได้ หากเสียชีวิตก่อนเงินทั้งหมดจะถูกส่งคืนทายาท

3. ร่าง พ.ร.บ.ศูนย์กลางทางการเงิน พ.ศ. ....

ผลักดันให้ประเทศไทยให้เป็นศูนย์กลางทางการเงิน (Thailand Financial Center) โดยเตรียมเสนอร่างพ.ร.บ. ศูนย์กลางทางการเงิน ต่อที่ประชุม ครม. พิจารณาภายในช่วงต้นปี 2568

ซึ่งจะช่วยดึงดูดเม็ดเงินลงทุนก้อนใหญ่จากธุรกิจการเงินระหว่างประเทศเข้าสู่ประเทศไทย โดยเฉพาะใน 6 ธุรกิจเป้าหมาย ได้แก่ ธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจระบบการชำระเงิน และบริการชำระเงิน ธุรกิจหลักทรัพย์ ธุรกิจสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล ธุรกิจประกันภัย

โดยจะมีการจัดตั้งสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมศูนย์กลางทางการเงิน (One-stop Authority: OSA) ขึ้นใหม่ เพื่อส่งเสริม อำนวยความสะดวกธุรกิจเป้าหมาย และสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ ทั้งสิทธิประโยชน์ทางภาษี และที่ไม่ใช่ภาษี เช่น การให้ Fast Track VISA การอนุมัติใบอนุญาตทำงานคนต่างด้าว (Work Permit) การจ้างงาน เป็นต้น

รวมทั้งยังมีอำนาจในการกำหนดเงื่อนไขที่เกี่ยวข้อง และประกาศกำหนดหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขในการขอใบอนุญาต และพิจารณาอนุมัติ อนุญาต ออกใบอนุญาต หรือให้ความเห็นชอบ หรือรับจดทะเบียนเพื่อประกอบธุรกิจเป้าหมาย เป็นต้น

4. ร่าง พ.ร.บ.สถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ พ.ศ. ....

เพื่อยกระดับกลไกการค้ำประกันสำหรับผู้ประกอบการ SME ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้เข้าถึงแหล่งเงินทุนที่หลากหลาย และมีต้นทุนทางการเงินที่สอดคล้องกับความเสี่ยง 

โดยสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (National Credit Guarantee Agency: NaCGA)  จะมีสถานะเป็นนิติบุคคลที่เป็นหน่วยงานของรัฐ แต่ไม่เป็นทั้งส่วนราชการ และรัฐวิสาหกิจ ซึ่งจะทำให้การดำเนินการค้ำประกันมีความรวดเร็วและยืดหยุ่น พึ่งพางบประมาณจากภาครัฐน้อยลง อีกทั้งมีขอบเขตและรูปแบบการค้ำประกันที่มีความหลากหลาย และมีกลไกการคำนวณค่าธรรมเนียมค้ำประกันที่อิงตามระดับความเสี่ยงของลูกหนี้

โดยกระทรวงการคลัง และธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) จะร่วมกันหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกร่างกฎหมายจัดตั้ง NaCGA และนำเสนอ ครม. เพื่อพิจารณา

5. ร่าง พ.ร.บ.กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน พ.ศ. .... 

ซึ่งจะเป็นแหล่งเงินสำหรับใช้ซื้อคืนสัมปทานรถไฟฟ้าจากการบริหารของเอกชนให้เป็นทรัพย์สินของรัฐ เพื่อขับเคลื่อนนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย โดยรายละเอียดการจัดตั้งกองทุนจะนำเสนอ ครม.พิจารณาต่อไป

โดยกระทรวงการคลัง จะมีการตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานขึ้นมา มีลักษณะเป็นกองทุนรวมระยะยาว และมีการเปิดขายหน่วยลงทุน ให้แก่ประชาชน หรือนักลงทุนสถาบัน เพื่อนำเงินจากหน่วยลงทุน ไปซื้อสัมปทานรถไฟฟ้าทุกสายที่เป็นของเอกชนมาเป็นของรัฐ จากนั้นให้นำรายได้ และกำไรจากค่าโดยสาร มาจ่ายเป็นผลตอบแทนให้กับนักลงทุน

6. ร่างแก้ไข พ.ร.บ.ทรัพย์อิงสิทธิ พ.ศ.... 

ขยายเวลาให้เช่าที่ดินจาก 30 ปี เป็น 99 ปี เพื่อกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้งเอื้อต่อการใช้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะกับนักลงทุนต่างชาติ โดยกระทรวงมหาดไทยจะเป็นผู้เสนอร่างแก้ไขกฎหมาย ขณะที่กระทรวงการคลังจะเป็นผู้พิจารณาในภาพรวม

นอกจากนี้ยังมีแนวทางในการนำที่ดินของรัฐ ได้แก่ ที่ราชพัสดุ และที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย มาใช้ประโยชน์ในหลักการทรัพย์อิงสิทธิ เกี่ยวเนื่องกับโครงการ "บ้านเพื่อคนไทย" สร้างที่พักอาศัยสำหรับผู้มีรายได้น้อย 
 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์