“พาณิชย์” กางแผนโปรโมทส่งออก ปี 68 วางเป้าสร้างมูลค่ารวม 92,363 ล้านบาท
กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เผย ปี 68 จัดกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกกว่า 700 กิจกรรม วางเป้าสร้างมูลค่ารวม92,363 ล้านบาท สร้างมูลค่าเพิ่มให้ประเทศ 92,363 ล้านบาท เตรียมยกระดับร้าน Thai SELECT เทียบมิชลิน พร้อมทำงานเชิงรุก-ลงลึก ดันตัวเลขส่งออกทั้งปีได้ตามเป้าโต 2-3 %
นางสาวสุนันทา กังวาลกุลกิจ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ในปี 2568 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ มีกำหนดดำเนินกิจกรรมส่งเสริมการส่งออก ผ่าน 510 กิจกรรมสำคัญ และหากรวมกิจกรรมย่อยจะเป็นกว่า 700 กิจกรรม โดยมีเป้าหมายสำคัญในการสร้างมูลค่าการค้ารวมประมาณ 92,363 ล้านบาท และมีผู้ประกอบการของไทยที่ได้รับประโยชน์กว่า 261,804 ราย โดยจะช่วยเร่งผลักดันการส่งออกของไทยให้เติบโตได้อย่างต่อเนื่อง การส่งออกของไทยในภาพรวมเติบโตได้ ไม่ต่ำกว่า 2-3% ทะลุ 10 ล้านล้านบาท ตามเป้าหมายการทำงานของกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับภาคเอกชน และนโยบายของนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ทั้งนี้จากที่มีการพูดคุยกับภาคเอกชน ยังมั่นใจว่าการส่งออกของไทยจะยังขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปี 2568 โดยประเด็นที่ต้องเฝ้าระวัง อาทิ 1.ผลกระทบจากนโยบายทรัมป์ 2.0 2.ปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ 3.สภาพภูมิอากาศ 4.ต้นทุนที่เพิ่มขึ้น อาทิ จากแรงงาน ซึ่งจากที่มีการพูดกับภาคเอกชนได้มีการเตรียมความพร้อมในการรับมือปัจจัยต่างๆแล้ว และกรมฯจะเป็นตัวผลักดันและร่วมมือกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดและลงลึก เพื่อรับมือและแก้ปัญหาต่างๆในเชิงรุกต่อ
โดยได้กำชับกับทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคต.) 58 แห่งทั่วโลก ให้ติดตามและปรับการทำงานในเชิงรุก ซึ่งจะมีหลายโครงการที่จะปรับเปลี่ยนเน้นยกระดับเพิ่มมูลค่า อาทิ ปรับโฉมร้านอาหาร Thai SELECT ที่มีทั่วโลกกว่า 1,600 แห่ง ยกระดับให้เทียบชั้นมิชลิน โดยจะมีการปรับหลักเกณฑ์เป็นให้ดาว 1-3 ดาว และจะมีการเปิดตัวในช่วงเดือน พ.ค.68 ที่งานแสดงสินค้าอาหาร THAIFEX Anuga Asia ซึ่งยังไม่มีนโยบายที่จะปรับเพิ่มจำนวนร้านมากนักเพราะจะเน้นในเรื่องของคุณภาพอาหาร
สำหรับกิจกรรมสำคัญของกรมในปี 2568 ในด้านต่างๆ ประกอบด้วย ด้านการพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการ จะมีการเปิดทั้งหลักสูตรออฟไลน์และออนไลน์ กว่า 109 หลักสูตร โดยสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการค้ายุคใหม่ (NEA) สร้างผู้ส่งออกรายใหม่เพิ่มจำนวนผู้ประกอบการในระบบเศรษฐกิจ
ด้านการพัฒนาสินค้าและบริการ จะเดินหน้าพัฒนาผู้ประกอบการสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ ด้วยแบรนด์ นวัตกรรม และการออกแบบ รวมถึงส่งเสริมภาพลักษณ์สินค้าไทยและประเทศไทย ผ่านหลายกิจกรรม อาทิ 1. โครงการส่งเสริมนักออกแบบและผู้ประกอบการ SMEs (Designers’ Room /Talent Thai/ Creative Studio Promotion) ระหว่างวันที่ 13 ม.ค. 2567 - 31 พ.ค.2568 2. กิจกรรม TTE Character Contest โดยเปิดรับผลงาน art toy ประกวดเข้าชิงรางวัล และจัดแสดงในงาน Thailand Toy Expo 2025 ระหว่างวันที่ 4-7 เม.ย. 2568 ณ Central World กรุงเทพฯ 3. โครงการเสริมสร้างศักยภาพและส่งเสริมผู้ประกอบการไทยสู่ความยั่งยืน ปี 2568 (Carbon Neutrality 2025 : Carbon Footprint Focus)
ส่วนด้านการส่งเสริมและพัฒนาช่องทางการตลาด จะจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจในสินค้าผลไม้สด แปรรูป และผลิตภัณฑ์เกษตรอื่น ๆ เพื่อรองรับมาตรการกีดกันทางการค้า ปีที่ 6 วันที่ 5 ก.พ.68 และจัดงานแสดงสินค้านานาชาติในไทย อาทิ Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 71 (22-26 ก.พ.) Bangkok Design Week 2025 (งานเทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ) (8-23 ก.พ.) THAIFEX Horec Asia (5-7 มี.ค.) ADFEST (20-22 มี.ค.) Bangkok Rights Fair 2025 (28-29 มี.ค.) STYLE Bangkok (2-6 เม.ย.) TAPA (3-5 เม.ย.) THAIFEX Anuga Asia (27-31 พ.ค.) TILOG-Logistix (20-22 ส.ค.) และ Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 72 (9-13 ก.ย.) ขณะเดียวกัน จะเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและบริการในต่างประเทศด้วย
นางสาวสุนันทา กล่าวว่า สำหรับการเปิดประตูโอกาสทางการค้าเชิงรุก ได้กำหนดจัดคณะผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ (Goodwill Mission) นำโดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเสริมสร้างและกระชับความสัมพันธ์ เปิดโอกาสทางการค้าและการลงทุนของไทย อาทิ สหรัฐฯ-ชิคาโกและนิวยอร์ก (2-10 ก.พ.) สวิตเซอร์แลนด์-เจนีวา (15-20 ก.พ.) ซาอุดีอาระเบียและสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (16-21 ก.พ.) ฮ่องกง (17-19 มี.ค.) แคนาดาและนิวยอร์ก (24 มี.ค.-2 เม.ย) สำรวจเส้นทางผลไม้ เชียงของ-เวียงจันทน์-คุนหมิง (26-29 มี.ค.) และ Cannes ฝรั่งเศส (13-21 พ.ค.) เป็นต้น ขณะเดียวกัน กรมฯจะนำผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้าและบริการในต่างประเทศ อาทิ ยุโรป สหรัฐฯ เอเชียตะวันออก เอเชียใต้ ตะวันออกกลางและอาเซียน ด้วย
จัดงานแสดงสินค้าไทย TOP Thai Brands/Thailand Week เจาะเมืองและมณฑลของประเทศคู่ค้าสำคัญ ได้แก่ จีน (เฉิงตู เซินเจิ้น คุนหมิง เซี่ยเหมิน) อินเดีย (บังกาลอร์ เจนไน นิวเดลี) เวียดนาม (ไฮฟอง โฮจิมินห์) ฟิลิปปินส์ (มะนิลา เซบู) บังกาลาเทศ (ธากา) เนปาล (กาฐมานฑุ) สิงคโปร์ อินโดนีเซีย (จาการ์ตา) มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์ โกตาคินาบาลู) สปป.ลาว (เชียงขวาง) และกัมพูชา (เสียมเรียบ) รวมทั้งจะจัดคณะผู้แทนการค้าไปเจรจาธุรกิจในต่างประเทศ อาทิ ธุรกิจภาพยนตร์และละครซีรีส์ ไต้หวัน (12-15 ก.พ.) สินค้าอุตสาหกรรม มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์) และเวียดนาม (โฮจิมินห์) (10-14 ก.พ.) สุขภาพและความงาม กรุงพนมเปญ กัมพูชา (5-7 มี.ค.) สินค้าแม่และเด็ก เวียดนาม (13-15 มี.ค.) สินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงและธุรกิจแฟรนไชส์มุมไบ อินเดีย (18-20 มี.ค.) สุขภาพและความงาม กวางโจว จีน (13-16 พ.ค.) สินค้าของใช้ในบ้าน (houseware) เจดดาห์ ซาอุดีอาระเบีย
ทางด้านการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย (In-store Promotion) ผ่านช่องทางค้าปลีกสมัยใหม่ แพลตฟอร์มออนไลน์ จัดกิจกรรมร่วมกับแพลตฟอร์ม Rakuten (ญี่ปุ่น) Shopee (สิงคโปร์) Amazon (สหรัฐฯ) และมีแผนที่จะส่งเสริม Soft Power ไทยสู่เวทีโลก โดยมีแผนผลักดัน ได้แก่ 1.อาหาร ผ่านโครงการ Thai SELECT 2.บริการ อาทิ ภาพยนตร์ ละคร ซีรีส์ ซีรีส์วาย บริการสุขภาพ หนังสือ เกม มวย 3.สินค้าแฟชัน OTOP ไทย และ 4.การสร้างแบรนด์ประเทศไทย ประชาสัมพันธ์ Think Thailand
“กรมฯจะเป็นช่องทางที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการให้เติบโต และสนับสนุนเด็กรุ่นใหม่ให้เข้ามาร่วมทำงานกับเรา เห็นเด็ก Gen Z มีความสามารถระดับโลกเยอะ กรมฯพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ สำหรับการทำงานในปีนี้เราพยายามทำงานเชิงรุก ลงลึกให้มากขึ้นเพราะเราจะเป็นอีกกลไกสำคัญเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการไทย ขอให้เข้ามาติดต่อที่กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ และกระทรวงพาณิชย์ได้“ นางสาวสุนันทา กล่าว