'สำนักงบฯ’ วางกรอบงบฯ69 เน้นคุ้มค่า เล็งดึง 'เงินสะสม' หน่วยงานหนุนลงทุน

'สำนักงบฯ’ วางกรอบงบฯ69 เน้นคุ้มค่า  เล็งดึง 'เงินสะสม' หน่วยงานหนุนลงทุน

สำนักงบฯขีดเส้นหน่วยงานเสนองบฯปี 69 ไม่เกิน 20% ของวงเงินที่ได้รับจัดสรรปีก่อน จัดทีมสำนักงบฯทำงานร่วมหน่วยงานราชการ เน้นการเสนองบฯโครงการที่มีคุณภาพ ตอบโจทย์นโยบายรัฐบาล เล็งให้ใช้เงินสะสมของหน่วยงาน – เงินนอกงบประมาณในการดำเนินโครงการก่อน หนุนการลงทุน

นายอนันต์ แก้วกำเนิด ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ เปิดเผยถึงการจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 ว่าในปีนี้สำนักงบประมาณได้ทำงานร่วมกับหน่วยงานราชการ ตั้งแต่ขั้นตอนของการทำคำของบประมาณโดยมุ่งเน้นการจัดทำงบประมาณที่มีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ในการพัฒนาประเทศ ตามนโยบายของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โดยคาดว่าคำเสนอของบประมาณที่หน่วยงานต่างๆจะเสนอให้สำนักงบประมาณพิจารณาภายในวันที่ 31 ม.ค.นี้

สำนักงบฯ ขอให้มีการเสนอคำของบประมาณไม่เกินวงเงิน 20% ของงบประมาณที่ได้รับจัดสรรเมื่อปี 2568 ที่ผ่านมา ซึ่งคาดว่าแนวทางนี้จะทำให้คำเสนอของบประมาณปี 2569 อยู่ที่ประมาณ 4 ล้านล้านบาท จากกรอบวงเงินงบประมาณ 3.78 ล้านล้านบาท ซึ่งหน่วยงานต่างๆจะต้องส่งคำของบประมาณมายังสำนักงบประมาณภายในวันที่ 31 ม.ค.นี้

“การเสนอของบประมาณในปี 2569 ถือว่าเราทำงานต่างจากปีงบประมาณที่ผ่านๆมาเพราะสำนักงบประมาณเข้าไปทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อช่วยดูว่าการเสนอของบประมาณนั้นต้องเสนอจากเงื่อนไข ความจำเป็น และต้องมุ่งที่ความสอดคล้องกับแผน ยุทธศาสตร์ การจัดทำงบประมาณ และยุทธศาสตร์ของประเทศ และเน้นที่การมีประสิทธิพภาพ และคุณภาพของโครงการที่มีการนำเสนอมาของบประมาณเป็นสำคัญ”นายอนันต์ กล่าว

นอกจากนี้ในการจัดทำงบประมาณในปี 2569 สำนักงบประมาณทราบถึงข้อจำกัดของวงเงินงบประมาณ ดังนั้นในการพิจารณาคำของบประมาณ สำนักงบประมาณยังจะพิจารณาถึงแหล่งเงินอื่นๆของหน่วยงานต่างๆด้วยว่ามีเพียงพอในการที่จะดำเนินโครงการหรือไม่ เช่น เงินสะสม ที่มีอยู่ของหน่วยงานต่างๆและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) ซึ่งกระทรวงการคลังจะมีข้อมูลอยู่ว่าเงินที่เป็นเงินนอกงบประมาณในลักษณะนี้มีอยู่เท่าไหร่

โดยจะขอให้นำมาใช้ประโยชน์ในการดำเนินงานโครงการต่างๆเรียกว่าเป็นการนำเอาทรัพยากรที่มีอยู่ไปใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในทางเศรษฐกิจของประเทศ

สำหรับโครงการที่จะต้องใช้งบประมาณมากกว่า 1,000 ล้านบาท ตาม พ.ร.บ.การจัดทำงบประมาณมาตรา 26 ระบุว่า หน่วยงานเจ้าของโครงการจะต้องเสนอรายละเอียดและความจำเป็นของโครงการให้ ครม.เห็นชอบก่อนจึงจะเสนอให้สำนักงบประมาณพิจารณาได้

ซึ่งขณะนี้ยังมีหน่วยงานอีกหลายหน่วยงานที่ยังไม่ได้เสนอโครงการที่มีมูลค่าตั้งแต่ 1,000 ล้านบาทขึ้นไปให้ ครม.พิจารณา ซึ่งเหลือเวลาอีกเพียง 2 สัปดาห์ที่จะสามารถเสนอเรื่องเข้า ครม.ได้คือในการประชุม ครม.ในวันที่ 21 และ 28 ม.ค.เท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะไม่สามารถจัดทำคำของบประมาณเสนอมาให้สำนักงบประมาณพิจารณาได้ซึ่งหน่วยงานที่มีโครงการขนาดใหญ่ที่มีวงเงินเกินกว่า 1,000 ล้านบทต้องเร่งขั้นตอนในส่วนนี้เช่นกัน

\'สำนักงบฯ’ วางกรอบงบฯ69 เน้นคุ้มค่า  เล็งดึง \'เงินสะสม\' หน่วยงานหนุนลงทุน

เมื่อถามว่ากรณีของจัดทำงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วนจะสามารถตั้งเพิ่มได้หรือไม่ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณระบุว่า งบกลางฯนั้นมีสัดส่วนในการจัดทำงบกลางฯในสัดส่วน 2-3.5% ของสัดส่วนวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี ไม่สามารถตั้งเกินกว่านี้ได้

เมื่อถามนายกรัฐมนตรีได้มีการกล่าวถึงโครงการดิจิทัลวอลเล็ต หมายถึงในปีงบประมาณ 2569 จะมีโครงการนี้อยู่ในงบกลางฯในการกระตุ้นเศรษฐกิจใช่หรือไม่ นายอนันต์กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่เห็นคำขอของหน่วยงานต่างๆที่เสนอเข้ามาจึงยังไม่สามารถตอบได้ว่าจะมีโครงการใดบ้าง

อย่างไรก็ตามทิศทางของการจัดทำงบฯปี 2569 จะเน้นในประสิทธิภาพ สนับสนุนให้เศรษฐกิจขยายตัว และส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น ระบบคลาวด์ โดยจะมีการจัดสรรงบประมาณในส่วนที่สนับสนุนนโยบายดิจิทัลไปสนับสนุนนโยบายคลาวด์เฟิร์ส ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลที่จะส่งเสริมให้หน่วยงานราชการนำข้อมูลทั้งหมดขึ้นบนคลาวด์เพื่อความสะดวกในการบูรณาการข้อมูล การให้บริการประชนที่รวดเร็ว และลดต้นทุนในการเช่าหรือซื้อเซฟเวอร์ของแต่ละหน่วยงานให้มาใช้งานในส่วนนนี้ร่วมกัน