ด่วน ครม.ไฟเขียว ร่าง พ.ร.ก.แก้คอลเซนเตอร์ให้ค่ายมือถือ - ธนาคาร ร่วมรับผิด

ด่วน ครม.ไฟเขียว ร่าง พ.ร.ก.แก้คอลเซนเตอร์ให้ค่ายมือถือ - ธนาคาร ร่วมรับผิด

ด่วน ครม.ไฟเขียว “พระราชกำหนด” จัดการโจรคอลเซนเตอร์ และไซเบอร์ ผ่านกฎหมายให้อำนาจเด็ดขาดเจ้าหน้าที่ จับกุม เพิกถอน เพิ่มโทษ ชี้จากนี้เจ้าของแอป ธนาคาร เครือข่ายมือถือ จะลอยตัวว่าไม่เกี่ยวไม่ได้อีกต่อไป คาดเดือนหน้ากุมภาพันธ์ นี้บังคับใช้

นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เห็นชอบ ตามที่กระทรวงดีอีจะนำเสนอแก้ไขพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี โดยมีเหตุผลความเร่งด่วนตามการชี้แจง ในที่ประชุม ครม. ดังนี้

รัฐบาลพบว่าประชาชนยังได้รับความเสียหายเฉลี่ยต่อวัน 60 - 70 ล้านบาท (ก่อนการดำเนินการมาตรการต่างๆ ของ ดศ. ภายใต้ รนรม. ประเสริฐ อยู่ที่ 100 - 120 ล้านบาทต่อวัน) จึงจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนในการดำเนินการแก้ปัญหานี้

 พ.ร.ก. ฉบับเดิม พ.ศ.2566 ยังขาดอำนาจหน้าที่ และการกำหนดโทษ หลายๆ ประเด็นโดยเฉพาะอำนาจการดำเนินการกับบัญชีม้าบนแพลตฟอร์ม P2P, อำนาจการคืนเงินให้กับประชาชน, และการรับผิดร่วมของผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด

ทั้งนี้ พ.ร.ก. ฉบับนี้มีสาระสำคัญ ในการเสนอการแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.ก. ฉบับเดิม พ.ศ.2566 ดังนี้      

1. เพิ่มอำนาจการดำเนินการกับแพลตฟอร์ม P2P ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด
         

2. เพิ่มหน้าที่ให้ telco provider ต้องระงับซิมที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด
         

3. เพิ่มหน้าที่การส่งข้อมูลเกี่ยวกับบัญชีม้าของธนาคารต่างๆ ไปยัง ปปง. เพื่อตรวจสอบ และคืนเงินให้กับผู้เสียหายได้รวดเร็วมากขึ้น
     

4. เพิ่มบทลงโทษแพลตฟอร์ม P2P รวมถึงธนาคารที่ไม่ปฏิเสธการเปิดบัญชีของคนร้าย
       

 5. เพิ่มบทลงโทษผู้เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
       

 6. เพิ่มบทลงโทษให้สถาบันทางการเงิน เครือข่ายมือถือ สื่อสังคมออนไลน์ มีส่วนรับผิดชอบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น

นายจิรายุ กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีได้สอบถามถึงการประกาศใช้เป็น พ.ร.ก. ว่า จะสามารถจัดการกระบวนการหลอกลวงที่เป็นปัญหาสังคมอยู่ในขณะนี้ ได้อย่างไร และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายฉบับนี้มีความเห็นอย่างไร

โดยเลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่าหาก ครม. พิจารณาแล้วเห็นว่าการกำหนดมาตรการป้องกัน และปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีเป็นกรณีฉุกเฉิน ที่มีความจำเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้ และเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยสาธารณะ และความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ ย่อมสามารถพิจารณาอนุมัติหลักการร่าง พ.ร.ก. ดังกล่าวได้ ขณะที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ดีอี รายงานในที่ประชุมว่ากฎหมายฉบับนี้ถือเป็นประโยชน์ต่อประชาชน และจะสามารถป้องกันและปราบปรามได้มากยิ่งขึ้น 

จากนั้นที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ได้อนุมัติในหลักการตามที่ ก.ดิจิทัลฯ เสนอและให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณา และให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา รับร่าง พ.ร.ก. ไปพิจารณาปรับรูปแบบ โดยให้รับความเห็นหน่วยงานไปประกอบการพิจารณาสำหรับร่าง พ.ร.ก. ฉบับนี้หลัง ครม. เห็นชอบ และมีการประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้วจะมีผลบังคับใช้ทันที ซึ่งเลขาธิการกฤษฎีกา ระบุจะใช้เวลาไม่เกิน 30 วัน คาดว่าประกาศบังคับใช้ได้ในเดือนกุมภาพันธ์ หรือเดือนหน้านี้
       
พ.ร.ก. ฉบับนี้ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเครื่องมือสำคัญในการปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์หรืออาชญากรรมไซเบอร์ในรูปแบบต่างๆ ประกอบกัน เนื่องจากกฎหมายนี้เป็นหนึ่งในมาตรการดำเนินการอีกทั้งยังมีมาตรการอื่นอีก เช่น การทำงานร่วมกับต่างประเทศในการทลายแก๊งคอลเซนเตอร์ ที่มีฐานที่ตั้งบริเวณชายแดน ถือเป็นความร่วมมือระหว่างประเทศเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ในการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านดิจิทัลครั้งล่าสุดได้นำเสนอเรื่องนี้เป็นรายงานในที่ประชุม ซึ่งทุกประเทศก็เห็นพ้องในการยกระดับร่วมกัน และถือว่าแก๊งคอลเซนเตอร์ การหลอกลวงในโซเชียล เป็นภัยที่ทุกประเทศต้องตระหนัก จึงต้องทำงานร่วมกัน” นายจิรายุ กล่าว
 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์