การรถไฟฯ เตรียมกู้ 2.4 หมื่นล้าน จัดหารถโดยสารใหม่ 184 คัน

การรถไฟฯ เตรียมกู้ 2.4 หมื่นล้าน จัดหารถโดยสารใหม่ 184 คัน

บอร์ดรถไฟอนุมัติจัดหารถโดยสารใหม่ 184 คัน วงเงิน 2.4 หมื่นล้านบาท ทดแทนรถเดิมที่ใช้งานมากว่า 30 ปี หันใช้ระบบไฮบริดและห้องโดยสารปรับอากาศ คาดเริ่มเปิดประกวดราคา ก.ย.นี้ เร่งทยอยรับมอบล็อตแรกปี 2570 หวังรองรับเปิดบริการรถไฟทางคู่และทางรถไฟสายใหม่

นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศ พร้อมอะไหล่ จำนวน 184 คัน วงเงินรวมทั้งสิ้น 24,150.00 ล้านบาท โดยระบุว่า วันนี้ (29 ม.ค.) ที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) รฟท.มีมติเห็นชอบให้ผลักดันโครงการดังกล่าวเพื่อนำมาทดแทนรถดีเซลรางปรับอากาศเดิม ซึ่งมีการจัดหาครั้งสุดท้ายเมื่อปี 2538 และมีอายุการใช้งานมากว่า 30 ปี อีกทั้งเพื่อรองรับการขยายตัวของโครงสร้างพื้นฐานทั้งโครงการก่อสร้างทางคู่ระยะที่ 1 – 2 รวมถึงโครงการทางรถไฟสายใหม่ในอนาคต

โดยโครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศพร้อมอะไหล่ จำนวน 184 คัน มีเป้าหมายเพื่อนำมาทดแทนขบวนรถที่ให้บริการขนส่งผู้โดยสารระยะไกลในปัจจุบัน จำนวน 10 ขบวน และนำมาเปิดเดินขบวนรถเพิ่ม เพื่อรองรับการขยายเส้นทางในโครงการก่อสร้างทางคู่ระยะที่ 1 – 2 จำนวน 52 ขบวน แบ่งเป็น

- เส้นทางระยะกลาง 46 ขบวน

- เส้นทางระยะไกล 6 ขบวน

อย่างไรก็ดี การจัดหารถโดยสารดังกล่าวเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์การพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งของไทย และแผนวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2566 – 2570 (แผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย) ตลอดจนเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันกับการขนส่งรูปแบบอื่นที่จะทำให้เกิดการปรับรูปแบบการเดินทางของผู้ใช้บริการมาใช้ระบบรางมากขึ้น ซึ่งจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทางของผู้ใช้บริการลดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง ลดปัญหาการจราจรติดขัด ที่สำคัญยังลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะมลภาวะทางอากาศและลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุทางถนนด้วย

การรถไฟฯ เตรียมกู้ 2.4 หมื่นล้าน จัดหารถโดยสารใหม่ 184 คัน

สำหรับโครงการจัดหารถดีเซลรางปรับอากาศ 184 คัน เป็นการจัดหารถกำลังดีเซลรางปรับอากาศมีห้องขับ จำนวน 92 คัน วงเงิน 12,075.00 ล้านบาท และรถกำลังดีเซลรางปรับอากาศไม่มีห้องขับ จำนวน 92 คัน วงเงิน 12,075.00 ล้านบาท รวมวงเงินโครงการทั้งสิ้น 24,150.00 ล้านบาท หรือเฉลี่ยคันละ 131.25 ล้านบาท ซึ่ง รฟท.เป็นผู้รับภาระค่าใช้จ่าย และกระทรวงการคลังเป็นผู้ค้ำประกันเงินกู้

 

ทั้งนี้ รฟท. มีแผนนำรถดีเซลรางปรับอากาศมาพัฒนาประสิทธิภาพการให้บริการให้มีความทันสมัยมากยิ่งขึ้น ทั้งการออกแบบภายใน และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกบนขบวนรถ จำนวน 62 ขบวน ประกอบด้วย

1.การทดแทนขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศที่จัดเดินในปัจจุบัน จำนวน 10 ขบวน คือ

  • เส้นทางสวรรคโลก จำนวน 2 ขบวน
  • เส้นทางเชียงใหม่ จำนวน 2 ขบวน
  • เส้นทางอุบลราชธานี จำนวน 2 ขบวน
  • เส้นทางสุราษฎร์ธานี จำนวน 4 ขบวน

2. การเปิดเดินขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศเพิ่มขึ้นจากเดิม เพื่อรองรับทางคู่ระยะที่ 1 และ 2 เส้นทางระยะกลาง จำนวน 9 เส้นทาง รวม 46 ขบวนต่อวัน คือ

  • เส้นทางพิษณุโลก จำนวน 10 ขบวน
  • เส้นทางนครราชสีมา จำนวน  10 ขบวน
  • เส้นทางขอนแก่น จำนวน 6 ขบวน
  • เส้นทางชุมพร จำนวน 8 ขบวน
  • เส้นทางสุราษฎร์ธานี จำนวน 2 ขบวน
  • เส้นทางนครราชสีมา – จุกเสม็ด จำนวน 4 ขบวน
  • เส้นทางชุมพร – กันตัง จำนวน 2 ขบวน
  • เส้นทางชุมพร – นครศรีธรรมราช จำนวน 2 ขบวน
  • เส้นทางชุมพร – ยะลา จำนวน 2 ขบวน

3. การเปิดเดินขบวนรถด่วนพิเศษดีเซลรางปรับอากาศเพิ่มขึ้นจากเดิม เพื่อรองรับทางคู่ระยะที่ 1 และ 2 เส้นทางระยะไกล จำนวน 3 เส้นทาง รวม 6 ขบวนต่อวัน คือ

  • เส้นทางเชียงใหม่ จำนวน 2 ขบวน
  • เส้นทางอุบลราชธานี จำนวน 2 ขบวน
  • เส้นทางหนองคาย จำนวน 2 ขบวน

ทั้งนี้ รถดีเซลรางปรับอากาศ จำนวน 184 คัน รฟท.จะดำเนินการจัดหาเป็นรถดีเซลรางไฟฟ้ารูปแบบ Hybrid DEMU. (Hybrid Diesel Electric Multiple Unit) ที่สามารถใช้แหล่งพลังงานในการขับเคลื่อนจาก 2 แหล่ง ทั้งเครื่องยนต์ดีเซลและพลังงานไฟฟ้าจากแบตเตอรี่ (Energy Storage) เป็นรถปรับอากาศชั้น 1 และชั้น 2 รูปแบบริ้วขบวนรถ ประกอบด้วย รถปรับอากาศชั้น 1 จำนวน 1 คัน และชั้น 2 จำนวน 3 คัน สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 239 ที่นั่ง

การรถไฟฯ เตรียมกู้ 2.4 หมื่นล้าน จัดหารถโดยสารใหม่ 184 คัน

อีกทั้งจะมีการออกแบบพื้นที่สำหรับให้บริการแก่ผู้พิการโดยเฉพาะ พร้อมกับเน้นความทันสมัยทั้งภายนอก และมีการตกแต่งภายใน อาทิ ระบบ Internet WiFi บนขบวนรถ เก้าอี้โดยสารสามารถปรับเอนได้ ห้องสุขาระบบปิดที่ถูกสุขอนามัย ติดตั้งอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในการสื่อสารและจอภาพ LED เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่างๆ

นอกจากนี้ ยังมีเคาน์เตอร์จำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายระหว่างการเดินทางของผู้ใช้บริการอีกด้วย ทั้งนี้ จะสามารถรับรถงวดแรก จำนวน 60 คันได้ภายในปี 2570 คาดว่าจะมีผู้โดยสารเฉลี่ย 4.81 ล้านคนต่อปี สร้างรายได้เฉลี่ย 3,469 ล้านบาทต่อปี

โดยขั้นตอนจากนี้ รฟท. จะนำเสนอรายงานต่อกระทรวงคมนาคมเพื่อพิจารณาทำความเห็นเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป หาก ครม.อนุมัติโครงการดังกล่าว จึงจะเริ่มออกประกาศเชิญชวนให้ผู้สนใจยื่นข้อเสนอประกวดราคา ก.ย.2568 และคาดว่าจะพิจารณาผลการคัดเลือกได้ภายในเดือน ก.ค. 2569 คาดว่าจะสามารถนำรถดีเซลรางปรับอากาศดังกล่าวมาให้บริการได้ครบทั้งหมดภายในเดือน เม.ย. 2573 ซึ่งสอดคล้องกับการสนับสนุนจากรัฐบาลในการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานในการก่อสร้างทางคู่ระยะที่ 1 และ 2 ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2571 และโครงการก่อสร้างทางรถไฟสายใหม่ที่คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2572

“การรถไฟฯ มุ่งมั่นที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการด้วยการนำรถโดยสารที่มีความทันสมัยมาอำนวยความสะดวกให้แก่ผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาคุณภาพการให้บริการให้มีมาตรฐานสากล สามารถตอบสนองความต้องการในการเดินทางของผู้โดยสารที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบันได้อย่างเพียงพอ และพร้อมรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจและการเดินทางของประชาชนในอนาคตด้วย”