พาณิชย์ ปลื้ม ตัวเลขเศรษฐกิจการค้าปี 67  สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

พาณิชย์ ปลื้ม ตัวเลขเศรษฐกิจการค้าปี 67  สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

"พาณิชย์" เผย ภาพรวมเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ไทย ปี 67 ทำได้ดี หลายตัวทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ทั้ง ส่งออก การค้าชายแดน ผ่านแดน  จัดตั้งธุรกิจใหม่ ต่างชาติลงทุนไทย

KEY

POINTS

  • การส่งออก ปี 67  มีมูลค่า 300,529.5 ล้านดอลลาร์  เพิ่มขึ้น 5.4% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว

กระทรวงพาณิชย์ ได้สรุปภาพรวม"เศรษฐกิจการค้า"การลงทุน ตลอดทั้งปี 2567  

โดยสำนักนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) รายงานตัวเลขการส่งออก ตลอดทั้งปี 2567 (ม.ค.-ธ.ค.) ว่า   การส่งออก มีมูลค่า 300,529.5 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 5.4% สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 1-2% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 10,548,759 ล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์ การนำเข้า มูลค่า 306,809.8 ล้านดอลลาร์  เพิ่มขึ้น 6.3% คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 10,896,480 ล้านบาท ขาดดุลการค้า 6,280.4 ล้านดอลลาร์ คิดเป็นเงินบาท มูลค่า 347,721 ล้านบาท

ส่วนปี 2568 ตั้งเป้าการส่งออกไว้ที่ 2-3% มูลค่า 306,504 -309,545 ล้านดอลลาร์ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากแนวโน้มเศรษฐกิจโลกที่คาดว่าจะเติบโตใกล้เคียงในระดับปัจจุบัน แรงกดดันจากอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยที่อยู่ในระดับต่ำ การย้ายฐานการผลิตมายังกลุ่มประเทศอาเซียน รวมถึงไทยมากขึ้น และการเร่งส่งเสริมการใช้ซอฟต์พาวเวอร์ของไทยเชื่อมโยงเข้ากับสินค้าส่งออกเพื่อสร้างเอกลักษณ์ให้เป็นที่จดจำในระดับโลก

พาณิชย์ ปลื้ม ตัวเลขเศรษฐกิจการค้าปี 67  สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

ในส่วนของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า ได้รายงานสถิติการการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ ทั้งปี 2567 (ม.ค.-ธ.ค.) มีจำนวน 87,596 ราย เพิ่มขึ้น 2.69% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์ ตั้งแต่มีการจดทะเบียนมา

มีปัจจัยบวกจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว ได้แรงหนุนจากการท่องเที่ยว การบริโภคภาคเอกชน การส่งออก และการลงทุนภาครัฐ มีทุนจดทะเบียน 285,745 ล้านบาท ลดลง 49.20% เพราะปี 2566 มีบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนเกิน 1 แสนล้านบาท 2 ราย คือ การควบรวมทรูกับดีแทค และการแปรสภาพบิ๊กซี โดยธุรกิจที่มีการจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจภัตตาคารและร้านอาหาร

พาณิชย์ ปลื้ม ตัวเลขเศรษฐกิจการค้าปี 67  สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

โดยตลอดทั้งปี 2567 มีนิติบุคคลจัดตั้งใหม่ที่มีทุนจดทะเบียนสูงเกิน 1,000 ล้านบาท จำนวน 15 ราย ทุนจดทะเบียนรวมทั้งสิ้น 45,558 ล้านบาท เช่น ธุรกิจ Data Center รับเหมาก่อสร้างอาคาร ค้าส่งและค้าปลีก และโรงพยาบาล เป็นต้น

สำหรับปี 2568 กรมได้คาดการณ์ตัวเลขการจดทะเบียนธุรกิจใหม่อยู่ที่ 90,000-95,000 ราย เพิ่มขึ้น 2-4% โดยมีปัจจัยบวกจากการเติบโตเศรษฐกิจในปี 2568 ที่สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ คาดการณ์ไว้ที่ 2.3-3.3% เศรษฐกิจโลกขยายตัว 3.0% การเพิ่มขึ้นของจำนวนนักท่องเที่ยว

การจัดกิจกรรมและเทศกาลสำคัญภายในประเทศ การขยายตัวของการลงทุน ทั้งภาคเอกชนและภาครัฐ การขยายตัวของการบริโภคภายในประเทศ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น การส่งออกสินค้ายังฟื้นตัวต่อเนื่อง แต่ก็ต้องติดตามสภาวะเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาตสร์ ความไม่แน่นอนของนโยบายทรัมป์ 2.0

ด้านจำนวนต่างชาติลงทุนในไทย โดยในปี 2567 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้ พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 954 ราย เพิ่มขึ้น 43%  เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 228,106 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 79% และจ้างงานคนไทย 5,040 คน

ชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทยสูงสุด 5 อันดับแรก ได้แก่ 1.ญี่ปุ่น 254 ราย คิดเป็น 27% ของจำนวนธุรกิจต่างชาติในไทย เงินลงทุน 121,190 ล้านบาท ส่วนใหญ่ลงทุนในธุรกิจบริการทางวิศวกรรมและเทคนิค ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ ธุรกิจขายอาหารและเครื่องดื่ม ธุรกิจบริการพัฒนาดิจิทัลคอนเทนต์ พัฒนาซอฟต์แวร์ และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เป็นต้น โดยในปี 2567 ญี่ปุ่น เป็นนักลงทุน ที่เข้ามาลงทุนในไทยสูงสุด และยังมีมูลค่าการลงทุนสูงสุดด้วย

 

ส่วนการลงทุนในพื้นที่ EEC ปี 2567 มีนักลงทุนต่างชาติสนใจเข้าลงทุน 301 ราย คิดเป็น 32% ของจำนวนนักลงทุนต่างชาติที่ได้รับอนุญาตในปี 2567 เพิ่มขึ้น 124% มูลค่าการลงทุน 56,490 ล้านบาท คิดเป็น 25% ของเงินลงทุนทั้งหมด เพิ่มขึ้น 46%

โดยเป็นนักลงทุนจากญี่ปุ่น 103 ราย ลงทุน 20,593 ล้านบาท จีน 72 ราย ลงทุน 12,107 ล้านบาท ฮ่องกง 20 ราย ลงทุน 5,698 ล้านบาท และประเทศอื่น ๆ 106 ราย ลงทุน 18,092 ล้านบาท ส่วนธุรกิจที่ลงทุนในพื้นที่ EEC เช่น ธุรกิจบริการทางวิศวกรรม (อุตสาหกรรมยานยนต์) ธุรกิจจัดหาจัดซื้อวัตถุดิบส่วนประกอบและชิ้นส่วนสำหรับอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมยานยนต์ เพื่อค้าส่งในประเทศ ธุรกิจบริการระบบซอฟต์แวร์ฐาน ธุรกิจบริการชุบแข็ง และธุรกิจบริการรับจ้างผลิตสินค้า เป็นต้น

ด้านกรมการค้าต่างประเทศ ได้รายงานภาพรวมการค้าชายแดนและผ่านแดนปี 67 มีมูลค่า 1,815,666 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.1% ถือเป็นปีทองของการค้า และยังเป็นตัวเลขสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขยายตัวสูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 4% ต่อปี 

โดยในจำนวนนี้ แยกเป็นการส่งออก 1,048,479 ล้านบาท เพิ่ม 6.9% และการนำเข้า 767,188 ล้านบาท เพิ่ม 5.1% โดยไทยได้ดุลการค้า 281,291 ล้านบาท สำหรับในปี 2568 ตั้งเป้าหมายเพิ่มมูลค่าการค้าเป็น 1.89 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 4%  

พาณิชย์ ปลื้ม ตัวเลขเศรษฐกิจการค้าปี 67  สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์

ขณะที่ตัวเลขการส่งออกข้าวไทย ซึ่งเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญของไทย กรมการค้าต่างประเทศได้สรุปตัวเลขส่งออกข้าวไทย ปี 67 ไทยส่งออกข้าวปริมาณ 9.95 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 13% นำรายได้เข้าประเทศสูงถึง 225,656 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27% หรือประมาณ 6,434 ล้านดอลลาร์  โดยปริมาณการส่งออกข้าวทั้งปี 2567 สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 9 ล้านตัน และเป็นปริมาณส่งออกข้าวไทยที่สูงที่สุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2561

อันเป็นผลมาจากความต้องการนำเข้าข้าวเพื่อรองรับกับความต้องการบริโภค ชดเชยผลผลิตที่ลดลง บรรเทาผลกระทบจากเงินเฟ้อด้านอาหาร และเพื่อความมั่นคงทางอาหารของประเทศผู้ซื้อ และอินเดียมีมาตรการระงับการส่งออกข้าวขาวมาตั้งแต่ช่วงเดือน ก.ค.2566 ต่อเนื่องถึงเดือน ต.ค.2567 ส่งผลให้ประเทศผู้นำเข้าข้าวขาวจากอินเดียพิจารณานำเข้าข้าวจากไทยเพิ่มขึ้น

สำหรับข้าวที่ไทยส่งออกได้มากที่สุด คือ ข้าวขาวปริมาณ 5.99 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 23% คิดเป็น 60% ของปริมาณการส่งออกข้าวไทยทั้งหมด รองลงมา คือ ข้าวหอมมะลิไทย 1.74 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 3.57% ข้าวนึ่ง 1.27 ล้านตัน ลดลง 7.97% ข้าวหอมไทย 0.63 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 21.15% ข้าวเหนียว 0.30 ล้านตัน และข้าวกล้อง 0.02 ล้านตัน

ทั้งนี้ ไทยยังสามารถส่งออกข้าวไปยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลกเพิ่มขึ้นจากปีก่อนในเกือบทุกภูมิภาคส่วนเป้าการส่งออกในปี 68  โดยกรมและสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ได้คาดการณ์ร่วมกันว่าการส่งออกข้าวไทยในปี 2568 จะมีประมาณ 7.5 ล้านตัน

ทั้งหมดนี้คือภาพรวมทั้งปีของตัวเลขเศรษฐกิจทางการค้าของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเห็นว่า ตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญในปี 67 ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในรอบหลายปี ถือว่า ปีนี้เป็นปีทองการค้าของไทยอีกปีหนึ่ง