บิ๊กคอร์ปรุกแผนลงทุน 'SMR' หนุนธุรกิจพลังงานรับเทรนด์ 'เทค-เอไอ'

7 บิ๊กพลังงาน แห่ลงทุนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก 'SMR' ลุยพลังงานสะอาดรับเทรนด์ 'เทค-เอไอ' ปตท.-WHA-บางจาก-GPSC-บ้านปู-ราชกรุ๊ป-กฟผ.
KEY
POINTS
- ร่างแผน PDP ฉบับใหม่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงา
ตามร่างแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าของประเทศไทย (PDP) ฉบับใหม่จะเพิ่มสัดส่วนการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนมากขึ้นอยู่ที่ 51% ส่วนใหญ่เป็นโซลาร์, ก๊าซธรรมชาติ 40% และไฮโดรเจน 5% ส่วนการซื้อไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้านจะรวมอยู่ในสัดส่วนพลังงานหมุนเวียน และในปลายแผนฯ จะมีพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) 600 เมกะวัตต์ เข้ามาเป็นทางเลือก
ซึ่งบริษัทพลังงานส่วนใหญ่ต่างประกาศแผนธุรกิจการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานเพื่อเคลื่อนองค์กรสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และเป้าหมาย Net Zero ซึ่งส่วนใหญ่จะเร็วกว่าเป้าหมายของประเทศไทยถึง 15 ปี ทั้งการนำเทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอน (CCS) ไฮโดรเจน รวมถึงโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ เป็นต้น
นายคงกระพัน อินทรแจ้ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ปตท.จะเข้ามามีบทบาทในการผลักดันการใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจนในประเทศ และผลักดันเทคโนโลยีการดักจับและการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage: CCS) โดยในร่างแผน PDP 2024 กำหนดสัดส่วนการใช้ไฮโดรเจน 5% นำไปผสมในเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ สำหรับผลิตไฟฟ้า รวมถึงจะขยายการใช้ไฮโดรเจนไปสู่ธุรกิจโมบิลิตี้ (Mobility) ด้วย
ทั้งนี้ ปตท. เน้นยํ้าเจตนารมณ์การดำเนินธุรกิจ เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืนอย่างสมดุล มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี 2583 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Emissions) ในปี 2593 สอดรับกับทิศทางการเติบโตของธุรกิจพลังงานโลก ผ่านแนวทาง C3 ได้แก่
1.Climate Resilience Business ปรับ Portfolio ธุรกิจให้เติบโต ควบคู่กับการลดการปล่อยคาร์บอน
2. Carbon-Conscious Asset ปรับปรุงประสิทธิภาพกระบวนการผลิต นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ มุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาด พลังงานหมุนเวียน
3. Coalition, Co-Creation, and Collective Efforts for All ประสานความร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเทคโนโลยีในการลดก๊าซเรือนกระจก ใช้เทคโนโลยีการดักจับและการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture and Storage: CCS) รวมถึงศึกษาความเป็นไปได้โอกาสในการลงทุนโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ตามร่างแผน PDP
นายชัยวัฒน์ โควาวิสารัช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทบางจาก และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า การพัฒนา AI (Artificial Intelligence : ปัญญาประดิษฐ์) เพื่อช่วยในการทำงานต้องแลกมาด้วยพลังงานมหาศาล ส่งผลต่อทรัพยากรโลก เช่น น้ำและพลังงาน ทำให้ต้องพึ่งพาแหล่งพลังงานก๊าซธรรมชาติมากขึ้น รวมถึงโรงไฟฟ้าซึ่งใช้เครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก Small Modular Reactors : SMR ซึ่งอาจจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือก
นอกจากนี้ จากการประมวล AI และใช้พลังงานรวมกัน 300-1,000 เมกะวัตต์ โดยในอนาคตคาดการณ์ว่าจะพุ่งไปถึง 5 กิกะวัตต์ เทียบเท่ากับพลังงานที่โรงงานน้ำมันบางจาก 100 โรงงาน ซึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญคือ โลกจะต้องหาแหล่งพลังงานอะไรมารองรับปริมาณใช้งาน AI และในตอนนี้ทั่วโลกก็ต่างกำลังหันกลับไปมองพลังงานนิวเคลียร์อีกครั้ง ซึ่งไทยควรศึกษาเช่นเดียวกัน
เมื่อท้ายที่สุดแล้วการใช้ดาต้าในปริมาณที่สูง ซึ่งทุกประเทศขณะนี้จะพบกับปัญหาเรื่องของการใช้พลังงานไฟฟ้า แม้แต่สหรัฐต้องการใช้พลังงานสะอาดที่มีความเสถียรมากขึ้น แม้ที่ผ่านมาพลังงานนิวเคลียร์จะมีปัญหาแต่ก็จะนำกลับมาใช้ใหม่ ดังนั้น กลุ่มบางจาก โดย บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชน) หรือ BCPG อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ของธุรกิจเช่นกัน
รายงานข่าวระบุว่า บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC บริษัทลูกของ ปตท. ตั้งเป้าแผนระยะสั้นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงให้ได้ 36% ภายในปี 2573 โดยการขับเคลื่อนเป้าหมายดังกล่าว จะดำเนินงานภายใต้กลยุทธ์หลัก 4S ได้แก่
S1 Strengthen and Expand the Core มุ่งเน้นสร้างความแข็งแกร่งของธุรกิจการผลิตและส่งจ่ายสาธารณูปการให้เป็นเลิศ (Best-in-Class Strategy) ในระดับสากลภายในปี 2568
S2 Scale-up Green Energy มุ่งเน้นการขยายธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และพลังงานหมุนเวียนร่วมกับระบบกักเก็บพลังงาน (Renewable Hybrid System) ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยในไทยจะมีการลงทุนเพื่อตอบโจทย์แผน PDP และการลงทุน Direct PPA ผ่านการเปิดใช้ระบบโครงข่ายไฟฟ้าให้แก่บุคคลที่สาม (Third Party Access : TPA) ในอนาคต เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าที่ต้องการพลังงานสะอาด
S3 New S-curve มุ่งเน้นการพัฒนาด้วยการลงทุนด้านนวัตกรรม New S-curves ในหลายรูปแบบ รองรับการเปลี่ยนแปลงของธุรกิจพลังงานและธุรกิจไฟฟ้าในอนาคต โดยให้ความสำคัญกับการศึกษาเทคโนโลยีพลังงานสะอาด เพื่อลดระดับการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ การต่อยอดจากการใช้พลังงานหมุนเวียน การใช้เทคโนโลยีการดักจับ การใช้ประโยชน์และการกักเก็บคาร์บอน (Carbon Capture, Utilization and Storage : CCUS) ไฮโดรเจน และโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ SMR
S4 Shift to Customer-centric Solutions มุ่งเน้นการดำเนินธุรกิจในรูปแบบการผลิตไฟฟ้าแบบกระจายศูนย์ และการบริหารจัดการพลังงาน ภายใต้นวัตกรรมพลังงานเพื่อธุรกิจ
สำหรับ GPSC อยู่ระหว่างเร่งศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาเทคโนโลยีโรงไฟฟ้า SMR ร่วมกับบริษัท Seaborg Technologies ApS ประเทศเดนมาร์ก ซึ่งมีความคืบหน้าไปบางแล้วในด้านเทคโนโลยี เพราะมีโครงการนำร่องที่เดนมาร์กอยู่แล้ว
ขณะที่ข้อกฎระเบียบต่าง ๆ ยังต้องศึกษาต่อไป ทั้งหมดจะใช้เวลาศึกษาประมาณ 4 ปี (2567-2570) เพื่อตัดสินใจเข้าลงทุนต่อไป ซึ่งเทคโนโลยีที่นำมาใช้จะเป็นลักษณะการตั้งโรงไฟฟ้า SMR อยู่บนเรือ หรือเป็นแบบลอยนํ้า มีความปลอดภัยสูง การเข้าร่วมประมูล GPSC มีความพร้อม เพราะมีจุดแข็งทางด้านท่าเรืออยู่แล้ว
นางสาวจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า WHA Group อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจ New S-Curve โดยเฉพาะเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor: SMR) ซึ่งปัจจุบันพบว่าตัว SMR Gen4 สามารถนำมาใช้ผลิตไฟฟ้าในนิคมอุตสาหกรรมได้แล้ว จึงคิดว่าน่าจะนำมาใช้ในนิคมของ WHA เพื่อกระจายไฟฟ้าพลังงานสะอาดให้กับโรงงาน
ทั้งนี้ มั่นใจว่าอีก 5 ปีข้างหน้า SMR จะเริ่มเข้าสู่ตลาดเพื่อการพาณิชย์ได้ ส่วนนิคมฯ ที่จะนำ SMR ไปติดตั้งคิดว่าต้องเป็นนิคมที่มีการใช้พลังงานปริมาณค่อนข้างจะมาก ซึ่งขณะนี้ WHA มีทั้งหมด 15 นิคมฯ บางนิคมฯ อยู่ติดกันพื้นที่รวม 7000 ไร่ ซึ่งมีการการใช้พลังงานปริมาณมาก โดยเราตั้งเป้าว่าเราจะเริ่มจากนิคมที่ต้องการใช้พลังงานมากก่อน โดย ดาต้า เซ็นเตอร์ ก็เป็นหนึ่งในเป้าหมาย เพราะเขาต้องการพลังงานสะอาด ส่วนเรื่องราคาขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้เนื่องจากตอนนี้ราคายังสูง
“คิดว่าถ้าราคาได้ก็พร้อมลงทุน เนื่องจากเรามีทั้งลูกค้าและกำลังทรัพย์ ตอนนี้เราพร้อมทุกอย่างเพียงแค่รอเทคโนโลยี ซึ่งเชื่อว่าอีกห้าปีข้างหน้าต้นทุน SMR จะถูกลง ซึ่งขณะนี้เราก็อยู่ระหว่างพูดคุยกับบริษัทในต่างประเทศหลายบริษัท ซึ่งยังไม่สามารถเอ่ยชื่อได้ และก็มีการพูดคุยกับภาครัฐ ทั้งกระทรวงพลังงาน กระทรวงอุตสาหกรรม รวมถึงการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) ด้วย ซึ่ง กนอ. ก็เห็นด้วย และมีความสนใจที่จะนำเทคโนโลยี SMR มาใช้ในนิคมฯ"
นายนิทัศน์ วรพนพิพัฒน์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ราช กรุ๊ป และบริษัท สหพัฒนาอินเตอร์โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) ได้ลงนามความร่วมมือในการศึกษาเทคโนโลยีเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กแบบโมดูลาร์ (SMR) เพื่อสนับสนุนนโยบายของภาครัฐในการเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงสะอาด และตอบสนองความต้องการพลังงานไฟฟ้าสีเขียวของภาคอุตสาหกรรม
สำหรับเชื้อเพลิงที่ใช้กับเทคโนโลยี SMR ไม่ปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกและยังสามารถผลิตไฟฟ้าได้ตลอดเวลาซึ่งเมื่อเข้ามาเสริมพลังงานทดแทนจะทำให้ระบบไฟฟ้ามีความมั่นคงมากขึ้น ส่งผลดีต่อเนื่องถึงทุกภาคส่วน รวมทั้งภาคอุตสาหกรรมได้ใช้ไฟฟ้าสะอาดที่เชื่อถือได้
นายสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) หรือ BANPU เปิดเผยว่า ในส่วนของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์นั้น บ้านปูเองก็ได้ศึกษาอยู่เหมือนกัน แต่ต้องใช้เวลาศึกษาระยะยาว ซึ่งปัจจุบันทราบง่า กฟผ. เองก็เป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจที่ได้รับมอบหมายให้ศึกษาและเป็นผู้นำในเรื่องนี้ก่อน ดังนั้น บ้านปูเองก็อาจจะยังไม่เข้าไปในความเสี่ยงตรงนั้น แต่ถ้าถึงเวลาที่รัฐบาลไฟเขียวให้เอกชนลงทุนก็อาจจะเข้าไปดำเนินธุรกิจในลักษณะพันธมิตรก็ได้ จึงถือเป็นเรื่องของอนาคต
นายเทพรัตน์ เทพพิทักษ์ ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า โรงไฟฟ้า SMR เป็นโรงไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ทั้งความมั่นคงของระบบไฟฟ้า สามารถผลิตไฟฟ้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และมีต้นทุนค่าไฟฟ้าที่แข่งขันได้เพราะแร่ยูเรเนียมเป็นเชื้อเพลิงซึ่งมีจำนวนมาก ราคาต่ำ ใช้ในปริมาณน้อย และไม่มีการผูกขาดเหมือนน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติจึงไม่มีความผันผวนของราคาเชื้อเพลิง
ทั้งนี้ กฟผ.ได้ศึกษาความเป็นไปได้ของเทคโนโลยีนิวเคลียร์และพัฒนาบุคลากรเพื่อรองรับการพัฒนาโรงไฟฟ้านิวเคลียร์มานานกว่า 17 ปี และติดตามเทคโนโลยี SMR จากหลายประเทศทั่วโลก อาทิ สหรัฐ รัสเซีย เกาหลีใต้ และจีน เพื่อศึกษาเทคโนโลยีที่เหมาะสมกับไทย
ปัจจุบัน กฟผ. มีโครงการที่ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา คือ โครงการผลิตไฮโดรเจนและแอมโมเนียสะอาดจากพลังงานหมุนเวียนบนพื้นที่ศักยภาพของ กฟผ. ซึ่งมีเป้าหมายเริ่มดำเนินโครงการต้นแบบในปี 2573