กลัวอะไร ไม่กล้าตัดไฟเครือข่ายอาชญากรรม

กระแสเรียกร้องให้ทางการไทยต้องลงมือเล่นงานกลับเครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติที่ตั้งฐานอยู่เมืองชายแดนไทยนั้นแรงขึ้นทุกวัน แต่จะว่าไปก็เป็นมาตรการเชิงรับทั้งนั้น
เช่นล่าสุดคือ ยกระดับการปิดกั้นบัญชีม้าสร้างความชะงักงันให้ธุรกรรมโจรไม่น้อยก็จริง แต่ก็เป็นเพียงหนึ่งในยอดน้ำแข็ง
ครั้นจะทำมาตรการเชิงรุกบุกกวาดล้างข้ามพรมแดนก็ไม่กล้าทำกัน เพราะจะก่อให้เกิดผลกระทบหลายอย่าง จะเอาอย่างพี่ใหญ่สนับสนุนโกกั้งยึดทั้งเล้าไก่และอีกนับสิบเมืองนั้นเกินฝัน
กระนั้นก็ตาม มาตรการเชิงรับดีๆ ยังมีอีกมากที่น่าทำได้แต่ไทยยังไม่กล้าทำ หนึ่งนั้นคือการยุติการขายไฟให้บริษัทที่ต้องสงสัยว่าส่งไฟต่อไปให้เครือข่ายอาชญากรรมเหล่านั้น แต่ก็ไม่ทำกัน ลองมาสำรวจเหตุผลกันดีกว่า
เหตุผลที่มีผู้เกี่ยวข้องอ้างแล้วพอฟังขึ้นมีสองสามประเด็น เช่น อ้างข้อกฎหมายว่ายังมีข้อมูลไม่ชัดเจนว่าบริษัทรับซื้อไฟเกี่ยวข้องกับโจร เขาจ่ายเงินครบ ตรงเวลา ไม่มีประวัติเสื่อมเสีย
กระนั้นก็ตาม หากยึดเหตุผลด้านความมั่นคงของชาติ รัฐก็สามารถจะทำอะไรได้ทุกอย่าง รวมทั้งการยกเลิกสัญญาบริษัทเหล่านั้น ยังมีอีกเหตุผลที่อาจเครียดกว่าคือ เหตุผลด้านมนุษยธรรม อ้างว่าตัดไฟแล้ว ชาวบ้านเมืองฉ่วยก๊กโกที่ไม่เกี่ยวข้องกับจีนเทาจะเดือดร้อน
งานนี้มาทำนองเดียวกับไม่สนับสนุนให้อิสราเอลบุกฉนวนกาซาล่าฮามาส เพราะมีผู้บริสุทธิ์อยู่ตรงนั้น โดยไม่พิจารณามุมที่ฝ่ายตรงข้ามเสมือนเอาประชาชนเป็นโล่ อย่างไรก็ดี เรื่องเมืองเถื่อนในเมียนมานี้พิจารณาง่ายกว่ากรณีกาซา
หากมองว่าการกำเนิดเมืองเหล่านี้มาจากผลประโยชน์ด้านอาชญากรรม ชาวบ้านที่มาอยู่ในเมืองล้วนหากินเกี่ยวข้องกับแก๊งเทาไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง
แม้จะแค่ขายของ ทำความสะอาด หรือเป็นลูกเมีย พวกเขาก็สมควรรับผลต่อสิ่งที่แก๊งกระทำต่อคนไทยไปด้วย
ถึงแม้ว่าจะมีข้อที่หยิบยกมาคัดง้างได้ ผู้มีอำนาจในไทยก็เกรงจะเกิดผลกระทบบางอย่างกับตนเองและประเทศชาติอยู่ดี สาเหตุนั้นอาจมาจากความเกรงใจในเมียนมา ความไม่มั่นใจในการตัดสินของศาลไทยเอง การมุ่งเป้าโจมตีกลับของพวกอาชญากร และนโยบายของประเทศมหาอำนาจ
ในบรรดาชาติอาเซียนด้วยกัน ไทยมีความเกรงใจในรัฐบาลทหารเมียนมาสูงกว่าใคร แม้ส่วนใหญ่ของโลกหรือแม้กระทั่งชาติอาเซียนหลายชาติเขาก็ไม่ค่อยจะเอาด้วยแล้ว
เหตุผลที่กล่าวอ้างมากที่สุดคือ หากเล่นบทแข็งกร้าวไป ไทยที่อยู่ในจุดดินแดนติดกันจะเดือดร้อนสารพัดจากแรงงานเถื่อน ผู้ลี้ภัยและอื่นๆ สารพัดซึ่งชาติอื่นไม่เจอแบบนี้
แต่ความกลัวประเด็นตัดไฟแก๊งจีนเทานั้นเหตุผลข้อนี้อ่อนกว่าเพื่อน เพราะเมียนมาเหลืออิทธิพลน้อยเต็มทีในเมียวดีและชายแดน ลำพังจะเอาตัวในสงครามกลางเมืองแทบไม่รอด แต่ไทยก็คงเกรงในเรื่องของอธิปไตยและยังอยากให้รัฐบาลเนปิดอว์ไม่ระแวงไทยในด้านอื่น รวมทั้งการปล่อยตัวประมงไทยก็อาจเกี่ยวด้วยกระมัง
ความหนักใจของฝ่ายนโยบายและฝ่ายปฏิบัติประการสำคัญอันหนึ่งก็คือ ไม่สามารถควบคุมหรือคาดการณ์การวินิจฉัยคดีของฝ่ายยุติธรรมได้ ตัวอย่างมีให้เห็นมากมายที่ชี้ว่าผู้ที่ตัดสินใจลงมือทำอะไรลงไปแล้วต้องโดนฟ้องขึ้นโรงขึ้นศาลจนแก่เฒ่า
ประเด็นนี้ไม่เกี่ยวกับถูกหรือผิด พวกใครหรือเข้าข้างใคร เพราะตัวแปรเบื้องหลังยังมีอีกเยอะ จึงเป็นไปได้ที่ผู้มีอำนาจตัดสินใจตัดไฟอาจต้องการเซฟตนเองไว้ก่อน
การเซฟตนเองอาจรวมถึงการทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อเครือข่ายอาชญากรรมด้วย คนเทาเหล่านี้ไม่ใช่นักเลงธรรมดา ไม่มีใครคาดการณ์เส้นสายและความห้าวหาญบ้าบิ่นของพวกมันได้
การล้างแค้นของพวกนี้ต่อระบอบใหญ่ไทยแลนด์อาจไม่สามารถกระทำ แต่การมุ่งเป้าไปที่ปัจเจกชนที่เป็นศัตรูของมันนั้นเป็นไปได้แน่นอน จึงเป็นไปได้เหมือนกันที่ต่างเกี่ยงกันโยนเผือกร้อนให้คนอื่น
แต่ที่น่าจะเกรงกันมากที่สุดคือ นโยบายของมหาอำนาจใกล้ชิดเรา หน้าฉากที่ปรากฏต่อสื่อนั้น จีนเดือดร้อนมากที่ประชาชนของเขาก็ถูกหลอกเป็นทาสมนุษย์ในเมืองชายแดน แต่แน่ใจหรือว่าจีนต้องการให้ปัญหาจีนเทาหมดไปจริง ๆ หรือแค่ไม่ให้กระทบต่อผู้บริสุทธิ์ชาวจีนเท่านั้น
ถ้าต้องการขจัดปัญหา จีนสามารถทำได้ทันทีไม่ต้องพึ่งไทย เพราะอิทธิพลของปักกิ่งมีเหนือกลุ่มชาติพันธุ์อยู่แล้ว (หรืออาจจะเหนือชาวจีน “ทุกกลุ่ม”ด้วย) แต่การคงอยู่ของแก๊งเหล่านี้นำไปสู่ความไร้เสถียรภาพของประเทศที่จีนเทาอาศัยอยู่ และอาจทำให้รัฐท้องถิ่นจำเป็นต้องร่วมมือกับจีนในหลายประการเพื่อแก้ไขปัญหาไปวันๆ
การพึ่งพิงที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่เอื้อประโยชน์ต่อปักกิ่งในยามที่กำลังแข่งขันทางยุทธศาสตร์กับอเมริกาอย่างเข้มข้นเช่นในเวลานี้ โดยจีนสามารถเพิ่มความกดดันรัฐเหล่านั้นในมิติต่างๆ ได้ ดังนั้น การดำเนินการใดๆ ของรัฐเหล่านั้นจึงต้องระมัดระวังอย่างยิ่งยวด
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร มีแนวโน้มว่าการแก้ไขปัญหาจะดำเนินไปอย่างเป็นพลวัต การต่อสู้กับเครือข่ายอาชญากรรมในห้วงเวลาต่อไปนี้จะเข้มข้นขึ้นอย่างแน่นอน
เพราะผลร้ายที่กระจายเป็นวงกว้างสักวันหนึ่งก็ต้องกระทบประสบเข้ากับลูกหลานเครือญาติผู้มีอำนาจตัดสินใจบ้างล่ะ ในเมื่อตระหนักกันได้ว่าไม่มีใครปลอดภัยจากโจรอย่างแท้จริง มาตรการเชิงรุกก็จะบังเกิด