ราคาน้ำมันทรงตัว ตลาดคลายกังวลภาษีศุลกากรทรัมป์

ราคาน้ำมันทรงตัว ตลาดคลายกังวลภาษีศุลกากรทรัมป์

ราคาน้ำมันดินบค่อนข้างมีเสถียรภาพ และลดระดับการร่วงลงในช่วงก่อนหน้านี้ จากความหวังเรื่องภาษีการค้าของทรัมป์ยังไม่ได้ใช้บังคับ เพราะทรัมป์รอการต่อรองกับประเทศคู่ค้า

รอยเตอร์ส รายงานภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกวันพฤหัสบดี (13 ก.พ.)ว่า ราคาน้ำมันดิบค่อนข้างทรงตัวในวันพฤหัสบดี โดยปรับตัวลดลงมากกว่า 1% ในช่วงต้นของการซื้อขาย เนื่องจากข้อตกลงสันติภาพที่อาจเกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครนยังคงกดดันให้ราคาน้ำมันลดลง ในขณะที่การหยุดการขึ้นภาษีไว้ของสหรัฐ ทำให้ผู้ค้าในตลาดน้ำมันมีความหวังมากขึ้น

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์สัญญาซื้อขายล่วงหน้าปิดตลาดลดลง 16 เซ็นต์ หรือ 0.21% แตะที่ 75.02 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ขณะที่ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียต (WTI) ปิดตลาดลดลง 8 เซ็นต์ หรือ 0.11% แตะที่ 71.29 ดอลลาร์

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐได้ลงนามในแผนการขึ้นภาษีตอบโต้คู่ค้าในวันพฤหัสบดี ซึ่งมีเป้าหมายไปที่ทุกประเทศที่เรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม ผู้ค้าในตลาดเห็นว่า พวกเขาเข้าใจว่าการระงับการขึ้นภาษีไว้ก่อนจะทำให้การเจรจาต่อรองกันดำเนินต่อไปได้จนถึงไตรมาสที่สอง

“เราเห็นราคาน้ำมันดิบฟื้นตัวขึ้นอย่างมาก โดยภาษีนำเข้าจะไม่มีผลบังคับใช้จนกว่าจะถึงเดือนเมษายน” ฟิล ฟลินน์ นักวิเคราะห์อาวุโสของ Price Futures Group กล่าว “นั่นจะทำให้มีเวลาในการเจรจา”

ราคาน้ำมันดิบเบรนท์และน้ำมันดิบดับเบิลยูทีไอร่วงลงมากกว่า 2% ในวันพุธ หลังจากที่ทรัมป์กล่าวว่าประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินแห่งรัสเซียและประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกีแห่งยูเครนแสดงความปรารถนาที่จะตกลงทำสัญญาสันติภาพในการโทรศัพท์คุยกันแยกกัน และทรัมป์สั่งให้เจ้าหน้าที่ของสหรัฐเริ่มการเจรจาเพื่อยุติสงครามในยูเครน

จิโอวานนี สเตาโนโว นักวิเคราะห์ของธนาคาร UBS กล่าวว่าราคาน้ำมันที่ร่วงลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาน่าจะเกิดจากการจากความกังวลเกี่ยวกับอุปทานน้ำมัน โดยเสริมว่าผู้ค้าในตลาดบางส่วนคาดว่าการส่งออกพลังงานของรัสเซียจะเพิ่มขึ้น

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) ระบุในรายงานตลาดน้ำมันฉบับล่าสุดว่า การส่งออกน้ำมันของรัสเซียอาจดำเนินต่อไปได้ หากรัสเซียสามารถทางออกจากมาตรการคว่ำบาตรล่าสุดของสหรัฐ หลังจากการผลิตน้ำมันดิบของรัสเซียเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนที่แล้ว

จอห์น อีแวนส์ นักวิเคราะห์ของ PVM กล่าวว่า ข่าวยูเครนและข้อมูลปริมาณน้ำมันในคลังสำรองของสหรัฐเมื่อวันพุธช่วยลดแรงกดดันจากข่าวเงินเฟ้อสูงของสหรัฐ ซึ่งอาจผลักดันให้ธนาคารกลางสหรัฐ ต้องใช้แนวทางที่ระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้

รัสเซียเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก และรัสเซียถูกมาตรการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบ หลังจากที่รัสเซียรุกรานยูเครนเมื่อเกือบ 3 ปีก่อนซึ่งทำให้ราคาน้ำมันสูงขึ้น

นักวิเคราะห์ของธนาคาร ANZ กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าราคาน้ำมันลดลงเมื่อมีข่าวการเจรจาสันติภาพที่อาจเกิดขึ้น เนื่องจาก “ความเชื่อมั่นที่ว่าความเสี่ยงต่ออุปทานน้ำมันดิบจะคลี่คลายลง” โดยชี้ไปที่การคว่ำบาตรของสหรัฐ และสหภาพยุโรป

ปริมาณสต๊อกน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐซึ่งเป็นผู้บริโภคน้ำมันดิบรายใหญ่ที่สุดในโลก ยังส่งผลกระทบต่อตลาดอีกด้วย ข้อมูลจากสำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐ (EIA) เปิดเผยเมื่อวันพุธว่าสต๊อกน้ำมันดิบของสหรัฐ เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาดในสัปดาห์ที่แล้ว