สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำกรุงเทพฯ ชวนสำรวจขอบฟ้าใหม่แห่งความร่วมมือไทย-ฮ่องกง

สำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำกรุงเทพฯ ชวนสำรวจขอบฟ้าใหม่แห่งความร่วมมือไทย-ฮ่องกง

สัมภาษณ์พิเศษ มร.พาร์สัน แลม (Mr. Parson Lam) ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำกรุงเทพมหานคร (Hong Kong Economic and Trade Office in Bangkok) ชวนสำรวจขอบฟ้าใหม่แห่งความร่วมมือไทย-ฮ่องกง

ฮ่องกง และ ประเทศไทย เป็นหุ้นส่วนที่มีความเข้มแข็งร่วมกันมาอย่างยาวนาน ในโอกาสที่ "กรุงเทพธุรกิจ" สัมภาษณ์พิเศษ มร. พาร์สัน แลม (Mr. Parson Lam) ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกงประจำกรุงเทพมหานคร (Hong Kong Economic and Trade Office in Bangkok) บทสนทนาได้เน้นถึงข้อริเริ่มล่าสุดที่ว่าด้วยการพัฒนาเศรษฐกิจปัจจุบันของฮ่องกง ซึ่งจะเป็นโอกาสทางธุรกิจสำหรับประเทศไทย

"สำนักงานของเราเป็นผู้แทนของเขตบริหารพิเศษฮ่องกงประจำประเทศไทย มีเป้าหมายที่จะกระชับความสัมพันธ์ด้านการค้า เศรษฐกิจและการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม" มร. แลม อธิบาย

มร. แลม กล่าวต่อไปว่า ประเทศไทยและฮ่องกงมีประวัติศาสตร์แห่งความร่วมมือกันมาอย่างยาวนาน และนี่คือรากฐานที่แข็งแกร่งเพื่อนำไปสู่การยกระดับการเป็นหุ้นส่วนของไทยและฮ่องกงร่วมกัน ซึ่งจะก้าวข้ามไปสู่ภาคส่วนอื่นๆ ที่หลากหลายมากขึ้น

"ฮ่องกงเป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของจีน แต่ในขณะเดียวกันฮ่องกงมีความเป็นอิสระในระดับสูงภายใต้กรอบแนวคิด 'หนึ่งประเทศ สองระบบ' เศรษฐกิจของเราดำเนินไปโดยมีการเคลื่อนย้ายอย่างเสรีของเงินทุน ข้อมูล และระบบตุลาการอิสระที่ยึดตามกฎหมายทั่วไป" มร. แลม ย้ำ

ทั้งนี้ ฮ่องกงยังมีอัตราภาษีที่ต่ำ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญของการสร้างประโยชน์ต่างๆ โดยภาษีนิติบุคคลอยู่ที่อัตรา 16.5% และไม่มีการเก็บภาษีส่วนต่างจากการลงทุนในสินทรัพย์ ขณะเดียวกันฮ่องกงไม่มีภาษีมรดกหรือแม้แต่ภาษีมูลค่าเพิ่มด้วย

ข้อริเริ่มที่สำคัญของนโยบายปี 2567

มร. แลม เล่าถึงโครงร่างแห่งข้อริเริ่มที่หลากหลายจากการประกาศนโยบายล่าสุดของ ฮ่องกง ซึ่งครอบคลุมพิมพ์เขียวนโยบายที่มีเป้าหมายในหลายภาคส่วน ซึ่งจะเป็นแก่นสารสำคัญที่จะทำให้สถานะของฮ่องกงอยู่ในบทบาทศูนย์กลางทางการค้าระหว่างประเทศ การเงิน และการขนส่งทางทะเล 
 


 

ฮ่องกงในบริบทความร่วมมือเพื่อศูนย์กลางทางการค้า 

มร. แลม กล่าวว่า ฮ่องกง มีบทบาทนำมาอย่างยาวนานในฐานะผู้นำด้านการค้าระหว่างประเทศและศูนย์กลางแห่งโลจิสติกส์ โดยการค้าสินค้าของฮ่องกง มีปริมาณที่อยู่ในระดับท็อป 10 ของโลกมาอย่างสม่ำเสมอ และมีสนามบินระหว่างประเทศของฮ่องกงที่ครองตำแหน่งท่าอากาศยานที่มีการขนส่งสินค้ามากที่สุดในโลกมาหลายปี มากกว่านั้น ฮ่องกงยังเป็นหนึ่งในศูนย์กลางการขนส่งสินค้าทางทะเลที่มีชื่อเสียงโดดเด่นที่สุดของโลก ด้วยห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกที่เปลี่ยนแปลงไป ฮ่องกงจึงอยู่ในตำแหน่งเชิงกลยุทธ์ที่จะทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางการจัดการห่วงโซ่อุปทานที่มีมูลค่าเพิ่มสูงระดับโลกสำหรับธุรกิจที่ต้องการเข้าถึงจีนแผ่นดินใหญ่และตลาดต่างประเทศ

"เรากำลังเร่งดำเนินการเพื่อสนับสนุนธุรกิจในต่างประเทศ รวมถึงธุรกิจจากประเทศไทยในการจัดตั้งศูนย์การค้า ศูนย์การคลัง และสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคในฮ่องกง ธุรกิจเหล่านี้สามารถใช้ประโยชน์จากบริการทางธุรกิจระดับโลกและการเชื่อมต่อระหว่างประเทศที่ไม่มีใครเทียบของเราเพื่อเสริมสร้างห่วงโซ่อุปทานและเข้าถึงตลาดในจีนแผ่นดินใหญ่และพื้นที่อื่นๆ ได้อย่างเหมาะสมที่สุด" มร. แลม กล่าวเสริม

มาตรการสำคัญอีกประการหนึ่งคือ การลดอัตราภาษีสุราสำหรับสุราที่นำเข้าที่มีมูลค่าเกิน 200 ดอลลาร์ฮ่องกง หรือราว 25.7 ดอลลาร์สหรัฐ โดยลดอัตราภาษีลงเหลือ 10% สำหรับสุราส่วนที่มีมูลค่าเกิน 200 ดอลลาร์ฮ่องกง โดยเป้าหมายหลักของมาตรการนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้ฮ่องกงมีบทบาทในการเป็นผู้แห่งศูนย์กลางการค้าสุรา ซึ่งยิ่งไปกว่านั้นคือการเน้นย้ำถึงความเข้มแข็งแห่งภาคส่วนต่างๆ เช่น โลจิสติกส์ ท่องเที่ยว อาหารและเครื่องดื่มระดับไฮเอนด์

มากกว่านั้น ฮ่องกงยังมุ่งไปที่การพัฒนาเพื่อการกระตุ้นระบบนิเวศสำหรับการค้าสินค้าโภคภัณฑ์ ซึ่งประกอบด้วย ทองคำ และโลหะที่ไม่มีแร่เหล็กเป็นส่วนประกอบ ด้วยการ ยกเว้นภาษีและการปรับปรุงกรอบการทำงานด้านกฎระเบียบที่จะดึงดูดธุรกิจระหว่างประเทศ 

เสริมสร้างรากฐานความเป็นผู้นำด้านศูนย์กลางทางการเงิน

ฮ่องกงยังเดินหน้าอย่างต่อเนื่องในบทบาทผู้นำศูนย์กลางทางการเงินนานาชาติชั้นนำแห่งเอเชีย โดยได้รับการจัดอันดับที่ 3 ของโลกและเป็นที่ 1 แห่งเอเชียจากการจัดอันดับดัชนีศูนย์กลางทางการเงินโลก โดยในปี 2568 ฮ่องกงจะเพิ่มบทบาทความเป็นผู้นำด้านการทำธุรกิจด้วยเงินหยวนนอกแผ่นดินจีน การเงินสีเขียว และข้อริเริ่มเทคโนโลยีทางการเงิน หรือ ฟินเทค 

"ฮ่องกงมีความก้าวหน้าถึง 80% ของบทบาทระดับโลกที่เป็นผู้รับชำระเงินหยวนนอกประเทศจีน และยังถือการรับฝากเงินหยวนไว้มากกว่า 1 ล้านล้านหยวน เรานำเสนอผลิตภัณฑ์ทางการเงินเงินหยวนนอกประเทศที่หลากหลายที่สุดในโลก" มร. แลม ย้ำ

ทั้งนี้ ฮ่องกงมีแผนที่จะขยายผลิตภัณฑ์การลงทุนในสกุลเงินหยวนและเพิ่มสภาพคล่องผ่านข้อตกลงแลกเปลี่ยนสกุลเงินกับจีนแผ่นดินใหญ่อีกด้วย

ด้านการเงินสีเขียว ฮ่องกงยังคงรักษาบทบาทผู้นำแห่งเอเชียที่ออกพันธบัตรสีเขียว โดยมี กองทุน ESG จำนวน 233 กองทุนที่มีการจัดการสินทรัพย์มูลค่าถึง 169.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐเมื่อช่วงกลางปี 2567 ที่ผ่านมา ทั้งนี้ ฮ่องกง ยังเป็นที่ตั้งสำคัญอันดับหนึ่งแห่งเอเชีย ด้านการแลกเปลี่ยนกองทุนรวมด้านพันธบัตรสีเขียวและการให้ความสำคัญผลิตภัณฑ์ทางการเงินเกี่ยวกับ ESG ที่หลากหลาย โดยฮ่องกงมีเป้าหมายที่จะพัฒนาต่อไปข้างหน้าอีกเพื่อพัฒนาระบบนิเวศการเงินสีเขียวและปรับปรุงการเปิดเผยข้อมูลด้านความยั่งยืน

นอกจากนี้ เทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) ยังเป็นอีกหนึ่งสาขาที่มีการเติบโต ซึ่งธนาคารกลางฮ่องกง ได้ร่วมมือกับธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารกลางอื่นๆ เพื่อผลักดันการพัฒนาสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลางเพื่อให้การชำระเงินข้ามพรมแดนมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยฮ่องกงมีเป้าหมายที่จะสร้างเสถียรภาพ และสิ่งแวดล้อมที่ปลอดภัยสำหรับการพัฒนาสินทรัพย์เสมือนและสินทรัพย์ดิจิทัลหรือเหรียญคริปโทเคอร์เรนซีที่มีความมั่นคงสูง

ความร่วมมือไทยและฮ่องกง

ในปี 2567 การค้าทวิภาคีระหว่างไทยและฮ่องกงมีมูลค่าถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ และฮ่องกงเป็นหนึ่งในสามนักลงทุนต่างประเทศที่ลงทุนในไทยสูงสุดในปี 2567 ด้วยเงินลงทุนโดยตรงมูลค่ามากกว่า 2.1 พันล้านดอลลาร์ หากมองไปข้างหน้า "มร. แลม" ย้ำว่า ฮ่องกงยังคงมุ่งมั่นที่จะทำการค้าอย่างลึกซึ้งกับประเทศไทยต่อไป

"ในฐานะที่สุดแห่งผู้เชื่อมโยง (super-connector) ระหว่างจีนแผ่นดินใหญ่และโลก ฮ่องกงคือตำแหน่งที่ดีที่จะสนับสนุนประเทศไทยในการแสวงหาโอกาสจากโครงการสำคัญๆ อย่าง 'หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road) และ 'เขตเศรษฐกิจอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า' (Guangdong-Hong Kong-Macao Greater Bay Area)" มร. แลม กล่าว