‘สรรพสามิต’ ทบทวน 3 เงื่อนไข ปรับภาษีรถยนต์ PHEV หนุนลงทุนเพิ่ม

“สรรพสามิต” ทบทวน 3 เงื่อนไข ปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ PHEV แยกอัตราภาษีกับ HEV จัดเก็บภาษีตามระยะทางวิ่งไฟฟ้า ไม่กำหนดความจุถัง และปริมาณปล่อย CO2 หนุนลงทุนในไทยเพิ่ม
วันที่ 28 ก.พ. 2568 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต และคณะผู้บริหารกรมสรรพสามิต ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมรถยนต์ บริษัท บีเอ็มดับเบิลยู แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท บีวายดี ออโต้ (ประเทศไทย) จำกัด ณ จังหวัดระยอง
ทั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมมาตรการปรับปรุงเงื่อนไขอัตราภาษีรถยนต์นั่งหรือรถยนต์โดยสารที่มีที่นั่งไม่เกิน 10 คน ประเภท Plug-in Hybrid Electric Vehicle (PHEV) ซึ่งมีการอนุมัติแล้ว และจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ม.ค. 2569
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการผลิตรถยนต์ประเภท PHEV ซึ่งจะเป็นกุญแจสำหรับในช่วงการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลนียานยนต์ เนื่องจากรูปแบบการผลิตยังมีส่วนที่ใช้ชิ้นส่วนประกอบเครื่องยนต์แบบสันดาปภายใน (ICE) และมีการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ไฟฟ้า
ดังนั้น การส่งเสริมการผลิต PHEV จะยังช่วยรักษาฐานซัพพลายเเชนการผลิตยานยนต์ในประเทศ ในระหว่างที่การเปลี่นนผ่านไปสู่ยานยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้าของโลกเองยังชะลอตัวและไม่แน่ว่าจะเป็นเทคโนโลยีหลักในอนาคต โดยการปรับโครงสร้างภาษีรถยนต์ PHEV เพื่อประโยชน์ด้านเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืนต่อไป
กรมสรรพสามิต อยู่ระหว่างการทบทวน 3 เกณฑ์ ในการกำหนดอัตราภาษีรถยนต์ PHEV ประกอบด้วย
1.พิจารณาอัตราภาษีจากระยะทางวิ่งด้วยไฟฟ้า (Electric Range) ไม่ต่ำกว่า 80 กิโลเมตรต่อการชาร์จ 1 ครั้ง เพียงเกณฑ์เดียวเท่านั้น เพื่อส่งเสริมให้มีการพัฒนาแบตเตอรี่ไฟฟ้า ลดการพึ่งพาเชื้อเพลิงฟอสซิล
2.การแยกพิกัดอัตราภาษีออกจากรถยนต์ประเภทไฮบริด (HEV)
3.ไม่กำหนดขนาดถังน้ำมันในพิกัดภาษี เนื่องจากขนาดถังน้ำมันไม่ได้แปรผันกับการรักษ์สิ่งแวดล้อม อีกทั้งเป็นการกำหนดตัวเลขที่ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานสากล จึงเป็นการสร้างข้อจำกัดโดยไม่จำเป็น
"สำหรับการกำหนดอัตราภาษีรถนยนต์ PHEV อยู่ระหว่างการพิจารณาเพื่อสนับสนุนนให้ตลาดของ PHEV สามารถเข่งขันได้ ก่อนจะมีการนำเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)"
นางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต กล่าวเพิ่มเติมว่า การพิจารณาปรับปรุงหลักเกณฑ์ดังกล่าวสอดคล้องกับหลักสากล ซึ่งจะช่วยส่งเสริมและต่อยอดให้ไทยเป็นฐานการผลิตรถยนต์ PHEV ที่มีมาตรฐานและสอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคทั้งในและต่างประเทศ และดึงดูดเม็ดเงินลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ของไทย ช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในช่วงการเปลี่ยนผ่านจากสันดาปภายในไปสู่ยานยนต์แห่งอนาคต
โครงสร้างภาษีสรรพสามิตที่มีการอนุมัติแล้ว ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2569 ได้กำหนดพิกัดอัตราภาษี PHEV โดยมีรายละเอียด ดังนี้
1.มีการแยกพิกัดภาษีรถยนต์ PHEV ออกจากรถยนต์ HEV แยกจากกัน
2.รถยนต์ประเภท PHEV ที่มีระยะการวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Range) ไม่ต่ำกว่า 80 กิโลเมตรต่อการประจุไฟฟ้า 1 ครั้ง และมีขนาดถังน้ำมันไม่เกิน 45 ลิตร จัดเก็บอัตราภาษีตามมูลค่า 5%
3.รถยนต์ประเภท PHEV มีระยะการวิ่งด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Range) ต่ำกว่า 80 กิโลเมตร ต่อการประจุไฟฟ้า 1 ครั้ง หรือมีขนาดถังน้ำมันมากกว่า 45 ลิตร จัดเก็บอัตราภาษีตามมูลค่า 10%