‘แหลมฉบัง’ แจงไร้ส่วยแซงคิว เตรียม 83 ไร่ ‘Truck parking’ แก้ปัญหา

ท่าเรือแหลมฉบัง หารือผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ ยืนยันส่วยแซงคิวเกิดขึ้นได้อยาก มีระบบลงคิวรถส่งตู้สินค้าผ่านออนไลน์ เตรียมพื้นที่ 83 ไร่ "Truck parking”
เรือโทยุทธนา โมกขาว ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง การท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ประชุมหารือร่วมกับผู้ประกอบการท่าเทียบเรือ 18 ท่า ในท่าเรือแหลมฉบัง ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาจราจรติดขัดที่ท่าเรือแหลมฉบัง
เรือโทยุทธนา กล่าวว่า ปัจจุบันท่าเรือแหลมฉบังมีความหนาแน่น โดยผ่านมาท่าเรือแหลมฉบังปรับปรุงสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรภายในท่าเรือ รวมทั้งยกระดับการให้บริการให้ สอดรับต่อแผนการพัฒนาท่าเรือระยะยาว โดยใช้งบประมาณไปนับพันล้านบาท
ทั้งนี้ เพื่อลดความแออัดของรถบรรทุกที่เข้ามาขนส่งสินค้า และแก้ไขปัญหาจราจรภายในท่าเรือแหลมฉบัง โดยการเพิ่มประตูตรวจสอบตู้สินค้าจากเดิมมีเพียง 6 ช่องทาง จนปัจจุบันมีทั้งหมด 30 ช่องทางแล้ว ทำการขยายถนน ปรับปรุงผิวจราจร ขยายช่องจราจร ติดตั้งระบบไฟฟ้าส่องสว่าง และป้ายสัญญาณจราจร ก่อสร้างสะพานข้ามแยกบริษัท ยูนิไทย ชิปยาร์ด ทางยกระดับจุดกลับรถทางเข้าชุมชนบ้านแหลมฉบัง
รวมทั้งยังมีจองเวลาการส่งสินค้าตู้คอนเทนเนอร์เพื่อการส่งออก โดยจะให้ผู้ประกอบการสามารถระบุระยะเวลาในการส่งตู้สินค้าซึ่งคนขับรถไม่ต้องมาเสียเวลารอ โดยมีลานจอดพักรถในพื้นที่ 70 ไร่ ซึ่งมีบริการห้องสุขา จุดทิ้งขยะ ให้บริการ และร้านอาหารใกล้บริเวณดังกล่าว ในเรื่องห้องสุขา เราจะพิจารณาจัดให้บริการในพื้นที่ตามเส้นทางเพิ่มเติม เนื่องจากความไม่สะดวกในช่วงเวลาที่เข้ามาใช้บริการและรอเพื่อเข้าส่งตู้สินค้าเป็นเวลานาน
เรือโทยุทธนา กล่าวว่า นอกจากนี้ยังมีแผนจัดการพื้นที่ ที่ท่าเรือแหลมฉบังได้วางไว้ คือ โครงการ "Truck parking“ จะพัฒนาพื้นที่ 83 ไร่ บริเวณพื้นที่โซน 3 นอกเขตรั้วศุลกากร ทำจุดจอดรถและคอมมูนิตี้มอลล์ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในการจอดรถ พักรถ และพักผ่อน เพื่อรองรับรถบรรทุกสินค้าที่เข้ามารอรับส่งสินค้าในท่าเรือแหลมฉบัง ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนการศึกษารูปแบบการดำเนินงาน
รวมทั้งเบื้องต้นจะเป็นการให้เอกชนเข้ามาเช่าพื้นที่ และเสนอรูปแบบการบริหารจัดการทั้งหมด ทั้งการก่อสร้างและบริหาร มั่นใจว่าจะรองรับรถบรรทุกหัวลากรถบรรทุกสิบล้อที่มีกว่า 350,000-370,000 คัน ที่วิ่งเข้าออกขนส่งสินค้าในท่าเรือได้สะดวกสบายมากขึ้น พร้อมเป็นการสนับสนุนโครงการ Truck Queue ของท่าเรือแหลมฉบัง โดยเฉพาะรถหัวลากที่ยังไม่มีคิวจะเข้ามาพักคอยในสถานที่แห่งนี้ได้
นอกจากนี้ยังมีแผนจะเปิดประตู 5 เพื่อช่วยระบายการจราจรให้คล่องตัวเพิ่มขึ้นอีกด้วย ซึ่งหากทุกอย่างแล้วเสร็จจะสามารถแก้ไขปัญหาการจราจรภายในได้ อย่างแน่นอน
สำหรับการแก้ไข้ปัญหาเร่งด่วนหลังหลังจากมีเรื่องร้องเรียน ผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบัง เผยว่า นายเกรียงไกร ไชยศิริวงศ์สุข ผู้อำนวยการการท่าเรือแห่งประเทศไทย (กทท.) ได้รับทราบปัญหาและได้เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหา วางแนวทางและมาตรการแก้ไขสถานการณ์ดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ไปแล้ว คือ
1.เร่งดำเนินการตรวจสอบสาเหตุอย่างเร่งด่วน โดยสั่งการให้ท่าเรือแหลมฉบังตรวจสอบสาเหตุที่แท้จริงของการจราจรติดขัด
2.จัดตั้งคณะทำงานแก้ไขปัญหาการจราจรของท่าเรือแหลมฉบัง โดยมีผู้อำนวยการท่าเรือแหลมฉบังเป็นหัวหน้าคณะทำงาน เพื่อบูรณาการร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ/เอกชนที่เกี่ยวข้อง
3. ดำเนินการปรับปรุงกระบวนการจัดการคิวรถบรรทุก (Truck Queue) ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น และ 4. ทำการตรวจสอบ กรณีการเรียกเก็บ “ส่วยแซงคิว” โดยได้ดำเนินการจัดตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเรียกเก็บส่วยดังกล่าวเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
พร้อมทั้งเชิญผู้ประกอบท่าเทียบเรือหารือ พบว่า ส่วยแซงคิวเกิดขึ้นได้อยาก เพราะมีระบบลงคิวรถส่งตู้สินค้าผ่านออนไลน์แบบชัดเจน แลกเปลี่ยน หรือเอื้อประโยชน์กันไม่ได้เชื่อเกิดจากความไม่เข้าเรื่องการบริหารจัดการหน้าท่าของคนขับรถ
ทั้งนี้ กทท.ได้เปิดช่องทางรับเรื่องร้องเรียนทั้งแบบเปิดเผยตัวตน และไม่เปิดเผย ตามช่องทางดังต่อไปนี้ 1) Hotline 0-2269-5555 กด 3 หรือ 09-5562-0095 2) e-mail : info@port.co.th หรือanticorruption.pat@port.co.th 3) Line OA : PAT Connex 4) ระบบ e-complaint ผ่านทาง Website : www.port.co.th
นายอาณัติ มัชฌิมา นายกสมาคมผู้ประกอบการท่าเทียบเรือและตู้คอนเนอร์ เผยว่า จากกรณีที่มีกระแสข่าวว่ามีส่วยแซงคิวในท่าเรือฯ นั้น ผู้ประกอบการยืนยันตรงกันว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้จริง เพราะเรถขนส่งที่เตรียมเข้าท่าเทียบเรือจะต้องจองคิวผ่านระบบออนไลน์ และรถจะต้องเข้าคิวตามลำดับและมีชื่อบริษัทที่ชัดเจน เปรียบได้กับการจองตั๋วเครื่องบินที่ชื่อคนจองกับที่นั่งต้องตรงกันจะให้คนอื่นมานั่งแทนไม่ได้เช่นเดียวกันที่รถขนส่งก็จะต้องมาต่อคิวตามที่ลงไว้จึงไม่สามารถนำรถออกจากแถวได้
“อยากจะขอให้ผู้เสียหายที่ได้รับผลกระทบจากกรณีดังกล่าวออกมาให้ข้อมูลเพื่อที่จะได้ดำเนินการตรวจสอบ และดำเนินการลงโทษกับเจ้าหน้าที่รับส่วย โดยยืนยันว่าจะไม่มีการเปิดเผยตัวตน เพราะพวกเราก็อยากรู้เหมือนกันว่าใครรับส่วย”