กทพ.ดึงเอกชนร่วมทุน 2.7 หมื่นล้าน PPP 30 ปี บริหาร 'ทางด่วนภูเก็ต'
การทางพิเศษฯ ดึงเอกชนลงทุน PPP จัดเก็บค่าผ่านทาง "ทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต" 2.7 หมื่นล้านบาท มอบสัมปทาน 30 ปี คาดเสนอ ครม.เริ่มก่อสร้างระยะที่ 1 ช่วงกะทู้ - ป่าตองภายในปีนี้
นายสุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า การทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เป็นประธานเปิดรับฟังความคิดเห็นจากภาคเอกชน (Opinion Hearing) เพื่อดำเนินโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต โดยระบุว่า โครงการทางพิเศษสายนี้ แบ่งออกเป็น 2 ระยะ ประกอบด้วย ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร และระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ ระยะทาง 30.62 กิโลเมตร โดยนับเป็นโครงข่ายสำคัญที่จะช่วยยกระดับโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมทางถนน แก้ไขปัญหาการจราจร และอำนวยความสะดวกรวดเร็วในการเดินทางให้กับคนในพื้นที่ และนักท่องเที่ยวในจังหวัดภูเก็ต
อย่างไรก็ดี ในช่วงที่ผ่านมา กทพ.ได้มีการเปิดประมูลโครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ระยะที่ 1 ช่วงกะทู้ - ป่าตอง แต่พบว่าไม่มีเอกชนรายใดยื่นประมูล เนื่องจากเอกชนเล็งเห็นว่าผลตอบแทนที่คาดหวัง (Retune) ไม่ถึง 10% ทำให้ไม่เกิดการจูงใจในการลงทุน เพราะต้องแบกรับค่าก่อสร้างเอง เป็นผลให้ กทพ.นำโครงการกลับมาทบทวน และจะเดินหน้าโครงการโดย กทพ.เป็นผู้ลงทุนงานก่อสร้างเอง พร้อมเปิดให้เอกชนร่วมทุนส่วนของงานระบบ และบำรุงรักษา (O&M)
“จากการศึกษาคิดว่าการร่วมลงทุนระหว่างรัฐ และเอกชนครั้งนี้เหมาะสมที่สุด โดยการทางฯ จะลงทุนก่อสร้างงานโยธาเอง ซึ่งสถานะขณะนี้เฟส 1 ช่วงกะทู้-ป่าตอง ระยะทาง 3.98 กิโลเมตร เมื่อวานนี้กระทรวงการคลังเห็นชอบเรื่องรายงานที่กระทรวงคมนาคมเตรียมเอาเข้าคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว มั่นใจว่าภายในปีนี้จะมีการก่อสร้างเฟส 1 แน่นอน”
ส่วนแผนดำเนินงานในระยะที่ 2 ช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ กทพ.ได้รับโครงการมาจาก กรมทางหลวง (ทล.) ในปี 2565 ปัจจุบันกำลังดำเนินการตามกฎหมาย คาดว่าภายในปี 2569 จะได้รับอนุมัติให้ดำเนินโครงการ และเริ่มก่อสร้างได้ โดยโครงการนี้จะใช้เวลาสร้างราว 3 ปี ทำให้โครงการทางพิเศษจังหวัดภูเก็ต ตลอดแนวเส้นทางทั้ง 2 ระยะจะแล้วเสร็จในปี 2572
นายสุรเชษฐ์ กล่าวด้วยว่า หลังจากโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ ระยะถัดไป คือ ส่วนของการให้บริการประชาชน ซึ่ง กทพ.จะเสนอขออนุมัติดำเนินโครงการไปพร้อมกับการก่อสร้างระยะที่ 2 เพื่อเร่งรัดให้โครงการนี้เปิดบริการโดยเร็ว และเกิดประโยชน์ต่อประชาชน ทำให้ กทพ.เปิดรับฟังความคิดเห็นเอกชนครั้งนี้ เพื่อสอบถามเอกชนถึงความต้องการแนวทางร่วมลงทุนที่จะดำเนินการในรูปแบบ PPP สำหรับการก่อสร้างงานระบบ และการบริหารจัดการ และบำรุงรักษา (Operation & Maintenance: O&M) ตลอดแนวเส้นทางส่วนของช่วงกะทู้ – ป่าตอง และช่วงเมืองใหม่-เกาะแก้ว-กะทู้ รวม 34.60 กิโลเมตร
ทั้งนี้ จากการศึกษาของ กทพ.ประเมินวงเงินลงทุนโครงการนี้ แบ่งออกเป็น มูลค่าเงินลงทุนโครงการ ประกอบด้วย ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ค่าก่อสร้างงานโยธา (รวมค่าควบคุมงานก่อสร้าง) และค่าก่อสร้างงานระบบจัดเก็บค่าผ่านทาง และระบบควบคุมจราจร (งานระบบ) ของโครงการ ระยะที่ 1 รวมประมาณ 16,759 ล้านบาท และโครงการระยะที่ 2 รวมประมาณ 45,930 ล้านบาท
ส่วนมูลค่างานที่เอกชนผู้ชนะการประมูลจะต้องดำเนินการ รวมประมาณ 27,030 ล้านบาท ประกอบด้วย ค่าก่อสร้างงานระบบของโครงการทั้ง 2 ระยะ รวมประมาณ 2,230 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าก่อสร้างงานระบบ ระยะที่ 1 ประมาณ 712 ล้านบาท และค่าก่อสร้างงานระบบ ระยะที่ 2 ประมาณ 1,518 ล้านบาท ส่วนค่าดำเนินการ และบำรุงรักษา (O&M) โครงการทั้ง 2 ระยะ (ระยะเวลา 30 ปี) รวมประมาณ 24,800 ล้านบาท
สำหรับการจัดเก็บค่าผ่านทางของ โครงการระยะที่ 1 จัดเก็บค่าผ่านทางอัตราเดียว (Flat Rate) มีอัตราค่าผ่านทาง ณ ปีเปิดให้บริการ (ปี 2573) เท่ากับ 15/ 40/ 85/ 125 บาท สำหรับรถจักรยานยนต์/ รถ 4 ล้อ/ รถ 6-10 ล้อ/ รถมากกว่า 10 ล้อ ตามลำดับ และโครงการระยะที่ 2 จัดเก็บค่าผ่านทางตามระยะทาง (Distance-Based Rate) โดยมีอัตราค่าแรกเข้า 40/ 80/ 120 บาท และค่าผ่านทางต่อระยะทาง 1.50/ 3.00/ 4.50 บาทต่อกิโลเมตร สำหรับรถ 4 ล้อ/ รถ 6-10 ล้อ/ รถมากกว่า 10 ล้อ ตามลำดับ
สำหรับการคาดการณ์ปริมาณจราจร ณ ปีเปิดให้บริการ (ปี 2573) ประมาณ 69,386 คัน/วัน โดยโครงการมีอัตราผลตอบแทนด้านการเงิน (FIRR) เท่ากับ 1.82% และโครงการนี้มีความเหมาะสมด้านเศรษฐกิจ อัตราผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจ (EIRR) เท่ากับ 18.85%
พิสูจน์อักษร....สุรีย์ ศิลาวงษ์
