'เผ่าภูมิ' สั่งเข้ม 'สรรพสามิต' ยกระดับปราบปรามสินค้าหนีภาษี

'เผ่าภูมิ' สั่งเข้ม 'สรรพสามิต' ยกระดับปราบปรามสินค้าหนีภาษี

"เผ่าภูมิ" มอบนโยบายกรมสรรพสามิต ยกระดับมาตรการปราบปรามสินค้าเลี่ยงภาษี เล็งเพิ่มรางวัลแจ้งเบาะแส จูงใจประชาชนช่วยจับตา

วันที่ 10 มี.ค.2568 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เรียกประชุมข้าราชการกรมสรรพสามิตทั่วประเทศ ณ อาคารหอประชุมกรมสรรพสามิต และทางออนไลน์ โดยมีนางสาวกุลยา ตันติเตมิท อธิบดีกรมสรรพสามิต และคณะผู้บริหารระดับสูง 
 
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ได้กำชับให้กรมสรรพสามิตดำเนินงานตามนโยบาย “Zero Tolerance : สินค้าหลีกเลี่ยงภาษีสรรพสามิตต้องเป็นศูนย์” โดยให้กรมสรรพสามิตเดินหน้าจับกุมและปราบปรามอย่างจริงจัง มุ่งเน้นการป้องกันและปราบปรามสินค้าผิดกฎหมายที่ลักลอบนำเข้ามาโดยไม่ได้เสียภาษี โดยเฉพาะตามเส้นทางบริเวณชายแดนที่นำเข้ามาจำหน่ายในพื้นที่ต่างๆ หรือการขายสินค้าที่ไม่ได้เสียภาษี
 

โดยในช่วง 5 เดือนแรกปีงบประมาณ 2568 (ต.ค.2567- ก.พ.2568) ผลการปราบปรามของกรมสรรพสามิตเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีก่อน โดยมีจำนวนรวมทั้งสิ้น 14,851 คดี สูงกว่าปีก่อน 15.54% เงินค่าปรับนำส่งคลังจำนวน 198.11 ล้านบาท  

ทั้งนี้ ได้มอบนโยบายให้กรมสรรพสามิตจะเร่งยกระดับการทำงานเชิงรุกในด้านการปราบปรามทั้งระบบ ประกอบไปด้วย
 

1. ปราบปรามแบบขุดราก ถอนโคน โดยให้มีการขยายผลการจับกุมจากรายเล็กไปจนถึงต้นตอ (รายใหญ่) เพื่อขจัดการนำเข้า ผลิต และจำหน่ายสินค้าที่มิได้เสียภาษีสรรพสามิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งสุราและบุหรี่เถื่อน

2.ทำงานร่วมกับหน่วยงานภายนอก จัดกำลังชุดสายตรวจร่วมกับหน่วยงานอื่น เช่น ตำรวจ ทหาร กอ.รมน. นรข. หน่วยนาวิกโยธิน เพื่อตรวจสอบเส้นทางการขนส่งตามแนวชายแดน ทำ MOU กับบริษัทขนส่งทุกบริษัท เพื่อตรวจสอบเส้นทางการขนส่งสินค้า และขยายผลหาผู้กระทำความผิด

3.ตรวจสอบและเฝ้าระวังจุดเสี่ยงลักลอบนำเข้าสินค้าที่เถื่อนตามแนวชายแดนทั้งทางบกและทางทะเล โดยเฉพาะในพื้นที่ ภาค 2 ภาค 9 และภาค 8 สำหรับยาสูบ และในพื้นที่ ภาค 2 ภาค 5 และภาค 7 สำหรับสุรา

4.จัดสรรกำลังให้เหมาะกับงานเชิงรุก เข้าตรวจสอบแหล่งเป้าหมาย เช่น ร้านค้า สถานบันเทิง และสถานที่ท่องเที่ยวกลางคืน โกดังสินค้า จุดข้อต่อต้องสงสัย

5.มาตรการค้นหาผู้กระทำผิดซ้ำด้วยการทบทวนบัญชีรายชื่อผู้กระทำความผิดจากข้อมูลในระบบฐานข้อมูลผู้กระทำผิดภายในของกรมสรรพสามิต เพื่อเฝ้าระวังและปราบปรามไม่ให้เกิดการกระทำผิดซ้ำ

6.สร้างการมีส่วนร่วมกับประชาชน โดยประชาชนสามารถแจ้งเบาะแสเพื่อนำสู่การจับกุมผู้กระทำผิด โดยประชาชนขอรับเงินสินบนรางวัลได้ 20% แต่ไม่เกินคดีละ 5,000,000 บาท ให้ศึกษาความเหมาะสมของการเพิ่มรางวัลดังกล่าว โดยประชาชนทั่วไปแจ้งเบาะแสทางระบบร้องเรียน หรือ 1713 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือที่ www.excise.go.th

7.ขยายศูนย์ปราบปรามสินค้าออนไลน์ไปที่ภาค 9 ภาค 2 และ ภาค 5 ยกระดับการวิเคราะห์คัดกรองจากเครือข่ายออนไลน์อัตโนมัติ รวมถึง Big Data เชื่อมโยงความสัมพันธ์ข้อมูลผู้กระทำผิด (Social Link) เฝ้าพฤติการณ์ผู้กระทำผิดบนเครือข่ายออนไลน์ และพิสูจน์ยืนยันเป้าหมาย จับกุมและประสานส่งข้อมูลการกระทำผิดให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมเพื่อปิดเว็บไซต์

8.บริหารจัดการงบประมาณจัดหาเครื่องมือเทคโนโลยีชั้นสูงเข้าจับกุมตามช่องทางขนส่งสินค้าหนีภาษี ลดความผิดพลาดและเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจยึดและขยายผล ตัดวงจรการขนส่งสินค้าผิดกฎหมายสรรพสามิต