ราคาน้ำมันดิบร่วง สงครามภาษีลุกลาม ตลาดหวั่นความต้องการลด

ราคาน้ำมันดิบร่วง สงครามภาษีลุกลาม ตลาดหวั่นความต้องการลด

ราคาน้ำมันดิบร่วงลงในวันพฤหัสบดี ตลาดมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงความเสี่ยงที่สงครามภาษีระหว่างสหรัฐฯ และประเทศอื่นๆ จะส่งผลกระทบต่ออุปสงค์ทั่วโลก

รอยเตอร์ส รายงานภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกวันพฤหัสบดี (13 มี.ค.) ว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าลดลง 1.06 ดอลลาร์ หรือ 1.5% แตะที่ 69.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัสอินเตอร์มีเดียตของสหรัฐฯ ล่วงหน้า (WTI) ลดลง 1.13 ดอลลาร์ หรือ 1.7% แตะที่ 66.55 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบลดลงในวันพฤหัสบดี เนื่องจากตลาดมีความกังวลต่อภาวะเศรษฐกิจโลก รวมถึงความเสี่ยงที่สงครามภาษีระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า จะส่งผลกระทบต่อความต้องการน้ำมันทั่วโลก

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ (IEA) รายงานว่าอุปทานน้ำมันทั่วโลกอาจเกินอุปสงค์ประมาณ 600,000 บาร์เรลต่อวันในปีนี้ โดยสหรัฐฯ เป็นผู้นำการเติบโตด้านอุปทาน ขณะที่อุปสงค์ทั่วโลกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.03 ล้านบาร์เรลต่อวัน ลดลง 70,000 บาร์เรลต่อวันจากที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนที่แล้ว IEA กล่าวว่า อุปสงค์จะเติบโตเป็นหลักในเอเชีย โดยเฉพาะจีน

รายงานดังกล่าวระบุถึงภาวะเศรษฐกิจมหภาคที่แย่ลง รวมถึงความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรง

เมื่อวันพุธ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ขู่ว่าจะยกระดับสงครามการค้าโลกด้วยการเก็บภาษีสินค้าจากสหภาพยุโรปเพิ่มเติม เนื่องจากคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ประกาศว่าจะตอบโต้ต่ออุปสรรคทางการค้าที่ทรัมป์สร้างขึ้นแล้ว

ความตึงเครียดด้านการค้าทำให้ความเชื่อมั่นของบรรดานักลงทุน ผู้บริโภค และธุรกิจสั่นคลอน นอกจากการลดการใช้จ่ายของรัฐบาลอย่างรุนแรงแล้ว ตลาดแรงงานยังปั่นป่วน โดยกลุ่มคนบางส่วนเกรงว่าสหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย

“ผมคิดว่า (ภาษีศุลกากร) ส่งผลกระทบต่อการคาดการณ์ของตลาดต่อการเติบโตของอุปสงค์ (น้ำมัน) ในปีนี้ อย่างแน่นอน และคาดว่าภาษีศุลกากรและการตอบโต้ทางภาษีจะส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคในที่สุด” แอนดรูว์ ลิโปว์ ประธานบริษัทที่ปรึกษา Lipow Oil Associates ซึ่งตั้งอยู่ในฮูสตัน กล่าว

ในวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซียกล่าวว่ามอสโกเห็นด้วยกับข้อเสนอของสหรัฐฯ ที่จะยุติการสู้รบ แต่การหยุดยิงใดๆ ควรนำไปสู่สันติภาพที่ยั่งยืนและจัดการกับสาเหตุหลักของความขัดแย้ง

ตลาดกำลังประเมินความเป็นไปได้ของการหยุดยิงระยะสั้นระหว่างรัสเซียและยูเครน แต่ จิโอวานนี สเตาโนโวนักวิเคราะห์ของธนาคาร UBS กล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีว่าเขา "ยังคงสงสัย" ว่าผลลัพธ์ดังกล่าวจะนำไปสู่การส่งออกน้ำมันมากขึ้นของรัสเซียหรือไม่

ด้วยการที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ มุ่งมั่นที่จะให้น้ำมันมีราคาถูก นักวิเคราะห์ของ Citi กล่าวว่าพวกเขาคาดการณ์ราคาน้ำมันเบรนท์ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 อยู่ที่ 60 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

เมื่อวันพุธ กลุ่มประเทศผู้ผลิตน้ำมันเพื่อการส่งออก (โอเปก) กล่าวว่าคาซัคสถานเป็นผู้นำการผลิตน้ำมันดิบเพิ่มขึ้นอย่างมากในเดือนกุมภาพันธ์ของกลุ่มโอเปกพลัส (OPEC+) กลุ่มผู้ผลิตน้ำมันพยายามที่จะบังคับสมาชิกให้ปฏิบัติตามเป้าหมายการผลิตที่ตกลงกันไว้ แม้ว่าจะมีเจตนาที่จะยกเลิกแผนการลดการผลิตก็ตาม

ความกังวลเกี่ยวกับความต้องการเชื้อเพลิงเครื่องบินที่ลดลงส่งผลกระทบต่อตลาดมากขึ้น โดยนักวิเคราะห์ของธนาคาร JP Morgan กล่าวว่าข้อมูลของสำนักงานความปลอดภัยในการขนส่งของสหรัฐฯ แสดงให้เห็นว่า "ปริมาณผู้โดยสารในเดือนมีนาคมลดลง 5% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน หลังจากที่ปริมาณการจราจรในเดือนกุมภาพันธ์ที่ทรงตัว"

อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์ของ JP Morgan กล่าวเสริมว่า “ณ วันที่ 11 มีนาคม ความต้องการน้ำมันทั่วโลกอยู่ที่ระดับเฉลี่ย 102.2 ล้านบาร์เรลต่อวัน ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.7 ล้านบาร์เรลต่อวันเมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเกินกว่าที่เราคาดการณ์ไว้สำหรับเดือนนี้ถึง 60,000 บาร์เรลต่อวัน”