ไทยไม่ใช่หลุมหลบภัย ถ้าไม่ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ

ไทยไม่ใช่หลุมหลบภัย ถ้าไม่ปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ

ในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมามีการกล่าวถึงประเทศไทยในฐานะหลุมหลบภัย โดยในช่วงนโยบายทรัมป์ 1.0 ของ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ สมัยที่ 1 ในระหว่างปี 2560-2564

ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของสงครามการค้าระหว่างประเทศมหาอำนาจของเศรษฐกิจโลก คือ จีนและสหรัฐ ซึ่งมีส่วนทำให้นักธุรกิจต่างชาติปรับทิศทางการลงทุนจากจีนออกมายังภูมิภาคอื่น โดยเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ดึงการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ได้มาก ซึ่งส่งผลให้ช่วงที่ผ่านมายอดขายที่ดินนิคมอุตสาหกรรมขยายตัวสูง

ขณะที่ทิศทางฟันด์โฟลว์ต่างชาติระยะข้างหน้าอาจยังคงเป็นภาพขายสุทธิ โดยในตลาดหุ้นไทยต่อเนื่องจากความน่าสนใจของหุ้นไทยมีน้อยกว่าเมื่อเทียบตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งเป็นการประเมินของ รัฐศักดิ์ พิริยะอนนท์ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายวิเคราะห์ บริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด (มหาชน) โดยตลาดทุนของประเทศอื่นในภูมิภาคเมื่อพิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจและผลประกอบการมีทิศทางที่จะขยายตัวมากกว่าประเทศไทย

นโยบายทรัมป์ 2.0 ของประธานาธิบดีคนปัจจุบันที่เข้ารับตำแหน่งสมัยที่ 2 ระหว่างปี 2568-2572 กำลังสร้างความปั่นป่วนให้กับเศรษฐกิจโลก หลังจากที่เริ่มจัดการขึ้นภาษีสินค้านำเข้ารายประเทศ เพื่อลดปัญหาการขาดดุลการค้าของสหรัฐ โดยเริ่มประกาศขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา เม็กซิโกและจีน รวมทั้งประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ากลุ่มเหล็กและอะลูมิเนียมเป็นการทั่วไป ในขณะที่เส้นตายของสหรัฐที่จะประกาศเก็บภาษีเพิ่มเติมจะมีขึ้นในวันที่ 2 เม.ย.2568
   

สถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศกำลังถูกแรงกดดันของการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ ซึ่งเป็นจุดที่รัฐบาลและภาครัฐยังไม่สามารถสร้างจุดเปลี่ยนของเศรษฐกิจไทยได้อย่างมีนัยสำคัญ โดยโครงสร้างภาคการผลิตของไทยเปลี่ยนแปลงไปไม่มาก ซึ่งเมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา สินค้าส่งออกของไทยหลายรายการแข่งขันกับจีนที่ได้เปรียบต้นทุนต่ำกว่า เช่น เครื่องนุ่งห่ม เฟอร์นิเจอร์ แต่ปัจจุบันจีนไม่ใช่คู่แข่งของไทยแล้วเพราะโครงกสร้างภาคการผลิตนำไปไกลจากการเข้าสู่การผลิตสินค้าเทคโนโลยีสูง
   

ความพยายามในการปรับโครงสร้างภาคการผลิตด้วยนโยบายอุตสาหกรรมเป้าหมายใหม่ที่จะต่อยอดอุตสาหกรรมดั้งเดิมของไทย เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ อุตสาหกรรมอาหาร การผลักดันไม่ถูกดำเนินการให้ต่อเนื่อง แม้แต่อุตสาหกรรมยานยนต์ที่เคยมีโปรดักต์แชมป์เปี้ยน คือ รถปิกอัพและรถอีโคคาร์ แต่ยังไม่สามารถสร้างโปรดักต์แชมป์เปี้ยนตัวใหม่ได้ ไม่รวมถึงการผลิตภาคการเกษตรนำเทคโนโลยีมาใช้ยังไม่เต็มที่ จึงมีคำถามถึงความน่าสนใจของประเทศไทยในอนาคต