จุดเปลี่ยนอุตสาหกรรมอาเซียน ผ่านมุมมอง 'เมสเซ่ แฟรงก์เฟิร์ต'

"เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต" ระบุภูมิภาคอาเซียนเตรียมเข้าสู่ยุคเปลี่ยนผ่านอุตสาหกรรม สู่ระบบออโตเมชั่นและการผลิตอย่างยั่งยืน ท่ามกลางภูมิรัฐศาสตร์ อาเซียนยังเติบโต
นายวูลฟ์กัง มาร์ซิน ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต หนึ่งใน บริษัทจัดงานแสดงสินค้า การประชุม และงานอีเวนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ให้สัมภาษณ์กับ "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า เรามีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากว่า 30 ปี ตั้งแต่ปี 2527 โดยเฉพาะในประเทศไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดสำคัญ
การขยายตัวของเมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ตในภูมิภาคเอเชีย เกิดขึ้นควบคู่ไปกับการพัฒนาของอุตสาหกรรมที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว บริษัทได้เล็งเห็นถึงศักยภาพอันมหาศาลของตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย อินโดนีเซีย และมาเลเซีย ในการขับเคลื่อนการเติบโตทางอุตสาหกรรมผ่านการจัดงานแสดงสินค้า โดยเฉพาะในสาขาอุตสาหกรรมอัตโนมัติ โลจิสติกส์สิ่งทอ อาหาร และอากาศยาน
"เรามองเห็นโอกาสมากมายในภูมิภาคอาเซียนที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศไทย ที่มีการขยายการลงทุนพื้นที่ศูนย์ประชุมขนาดใหญ่ และกลยุทธ์ของสภาอุตสาหกรรมแห่งไทย (ส.อ.ท.) ในการพัฒนาอุตสาหกรรมต่างๆ ระบบการขนส่งที่ทันสมัย ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยประเทศไทยถือเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสี่ของโลก ซึ่งมีศักยภาพในการนำหน้าในเศรษฐกิจและสังคมระดับโลก"
นอกจากนี้ อีกแรงขับเคลื่อนที่สำคัญของภาคอุตสาหกรรม คือความต้องการแรงงานที่ลดลงและประชากรที่ลดน้อยลง ซึ่งทำให้ประเทศไทยต้องการการผลิตที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเมสเซ่ แฟรงค์เฟิร์ต มุ่งเน้นการสนับสนุนการเติบโตของอุตสาหกรรมอย่างยั่งยืนและมีประสิทธิภาพ โดยเชื่อมโยงกับเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกและความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในท้องถิ่น เพื่อรองรับความต้องการในตลาด
ทั้งนี้ การจัดงานแสดงสินค้า มีบทบาทสำคัญในการดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลก โดยช่วยให้เกิดการเชื่อมโยงระหว่างธุรกิจ (B2B) การสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศ และการแลกเปลี่ยนแนวทางแก้ไข ซึ่งช่วยในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ตัวอย่างเช่น ในเยอรมนีและจีนที่งานแสดงสินค้าช่วยส่งเสริมการเติบโตในอุตสาหกรรม
มาร์ซิน กล่าวถึงผลกระทบของความตึงเครียดระหว่างภูมิรัฐศาสตร์ในขณะนี้ว่า ผลกระทบจากความตึงเครียดทางภูมิศาสตร์และการกีดกันทางการค้าจะเป็นข้อจำกัดและไม่เป็นส่งผลดีต่อการค้าโลก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าภูมิภาคอาเซียนจะยังคงมีความสำคัญและความยืดหยุ่นทางเศรษฐกิจที่โดดเด่น บริษัทมุ่งมั่นที่จะปรับตัวและตอบสนองต่อความต้องการของตลาดในภูมิภาคนี้อย่างต่อเนื่อง
ในขณะเดียวกัน เรายังได้เล็งเห็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมการผลิตระดับโลก โดยเฉพาะการย้ายฐานการผลิตจากจีนไปยังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เวียดนามและอินโดนีเซีย ทั้งนี้ บริษัทตระหนักดีว่าการปรับตัวให้ทันกับแนวโน้มและความต้องการของตลาดท้องถิ่นเป็นสิ่งสำคัญ โดยจะมุ่งเน้นการสนับสนุนการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตที่ยั่งยืน และมีความรับผิดชอบ
"การสร้างความเชื่อมโยงระหว่างภาคส่วนต่างๆ ผ่านการจัดงานแสดงสินค้าและการสร้างพันธมิตรที่แข็งแกร่ง จะยังคงเป็นกลไกสำคัญในการผลักดันการเติบโตและการพัฒนาที่ยั่งยืนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในอนาคต"