“พิชัย”ถก”หอการค้า”ชี้ ปัญหาหนี้ครัวเรือนกับดักเศรษฐกิจไทย

“พิชัย”ถก”หอการค้า” ชี้ ปัญหาหนี้ครัวเรือนกับดักเศรษฐกิจไทย ต้องเร่งแก้ ยันมะกันระงับวีซ่า ไม่กระทบการค้าไทย หอการค้าขอช่วยอุตสาหกรรมในประเทศขยายลงทุน
นายพิชัย นริพทะพันธุ์รมว.พาณิชย์ เปิดเผยภายหลัง การประชุมหารือแนวทางการผลักดันการค้าการลงทุนของไทยปี 2568 ร่วมกับสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ว่า นโยบายผมคือ 80:20 คือ 80% เน้นสนับสนุนภาคเอกชนและผู้ประกอบการให้เติบโต ส่วนอีก 20% เน้นการกำกับดูแล ตรวจสอบ เช่น เรื่องสินค้าด้อยคุณภาพ
รัฐบาลมองว่าในปีนี้ การส่งออก และการท่องเที่ยวจะเป็นกลไกลหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ เนื่องจากการส่งออกเติบโตได้ดี เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา ขยายตัวสูงถึง 13.6% เดือนถัดไปจะขยายตัวได้ดีต่อเนื่อง เพราะช่วงกลางปีนี้คาดว่าจะมีการส่งออกสินค้าแผงวงจรพิมพ์ หรือ PCB ได้มากขึ้นหลังจากโรงงานในไทยเริ่มเดินเครื่องและผลิตเพื่อส่งออกได้ เชื่อว่ามีความเป็นไปได้ที่การส่งออกไทยปีนี้จะขยายตัวได้ถึง4% ตามแนวทางของคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคการท่องเที่ยวก็ขยายตัวดี คาดการณ์ว่าปีนี้ยอดนักท่องเที่ยวต่างชาติจะเพิ่มขึ้นเป็น 39 ล้านคน
“เราเห็นตรงกันว่าปัญหาเดียวที่ทำให้ภาพรวมเศรษฐกิจไทยมีปัญหาแม้ว่าส่งออก และท่องเที่ยวจะดี คือ ปัญหาหนี้โดยเฉพาะหนี้ครัวเรือนซึ่งมีสัดส่วนที่ถึง9 0% ของ จีดีพีและปัญหาหนี้นอกระบบ เป็น10% ของจีดีพี ดังนั้นต้องการให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเข้ามาช่วยแก้ปัญหาเรื่องนี้ด้วยการปรับลดดอกเบี้ยลง ซึ่งหากสามารถแก้ปัญหานี้ได้ เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยอาจจะโตได้ 5-6% “นายพิชัย กล่าว
ด้านดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมใหม่ เพื่อปรับโครงสร้างการส่งออก ทั้ง AI Data Center และ PCB ซึ่งทยอยเข้ามาตั้งฐานการผลิตในไทยอย่างต่อเนื่อง และจะเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยให้การส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นในอนาคต, การชูไทยเป็นคลังอาหารของโลกเพื่อแก้ไขปัญหาความมั่นคงทางอาหาร ซึ่งประเทศตะวันออกกลางให้ความสนใจอย่างยิ่ง, การดูแลและผลักดันการส่งออกสินค้าเกษตร ทั้งข้าว มันสำปะหลัง รวมทั้งการดำเนินนโยบายทลายทุนผูกขาดข้าว เปิดเสรีข้าว
นายพิชัย ยังกล่าวถึงกรณีที่สหรัฐฯ ประกาศนโยบาย จำกัดวีซ่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย เพื่อตอบโต้ การส่งอุยกูร์กลับจีนว่า จะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้า และการลงทุนระหว่างไทยกับสหรัฐ เชื่อว่ารัฐบาลไทยสามารถเจรจาได้
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เศรษฐกิจไทยเดินต่อไปไม่ได้เพราะปัญหาหนี้ครัวเรือน และ เอสเอ็มอีเข้าไม่ถึงแหล่งทุน ขณะที่ปัจจุบันประชาชนไม่มีกำลังซื้อ หาก แก้หนี้ได้เศรษฐกิจจะไปต่อได้ เพราะการส่งออกและท่องเที่ยว ขยายตัวดีอยู่แล้ว
ทั้งนี้ ในระยะสั้นหอการค้าฯ ต้องการให้รัฐบาลเร่งเจรจาแก้ไขปัญหาจีนระงับการนำเข้าผลิตภัณฑ์น้ำเชื่อมจากไทย ปัญหาการนำเข้าทุเรียนไทย รวมทั้งเร่งสกัดสินค้าด้อยคุณภาพราคาถูกจากต่างประเทศที่เข้ามาตีตลาดไทย เพื่อดูเอสเอ็มอีไทย
ด้านการลงทุน ต้องการให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลืออุตสาหกรรมในประเทศที่ต้องการขยายการลงทุน ด้วยการปรับปรุงเครื่องจักรใหม่ให้รองรับกับอุตสาหกรรมสมัยใหม่ โดยถึงเวลาแล้วที่สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนหรือ บีโอไอจะต้องเข้ามาพิจารณาให้สิทธิพิเศษยกเว้นภาษีเครื่องจักรและภาษีเงินได้นิติบุคคลกับภาคอุตสาหกรรมของไทยให้เหมือนกับที่ให้แก่นักลงทุนต่างชาติ ในปัจจุบัน
ส่วนผลกระทบกรณีสหรัฐฯระงับวีซ่า เจ้าหน้าที่รัฐบาลไทย นั้น เอกชนเชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อด้านการค้า การส่งออกของไทย
นายชนินทร์ ชลิศราพงศ์ ประธานคณะกรรมการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กล่าวว่า ปัจจุบันสินค้าที่ผลิตในประเทศไทยมีมาตรการดูแล เรื่อง สิทธิมนุษยชนได้เป็นอย่างดี และได้รับการยอมรับและรับรองจากหน่วยงานสหรัฐฯ เป็นอย่างดี ดังนั้นมั่นใจว่ารัฐบาลสหรัฐฯจะไม่หยิบยกประเด็นเรื่อง สิทธิมนุษยชน กรณีอุยกรูขึ้นมาเป็นข้ออ้างในการกีดกันการค้า การลงทุนกับไทยแน่นอน