กรมส่งเสริมการเกษตร เร่งแผนYoung Smart Farmer สู่นักธุรกิจเกษตร

New Engine for New S-curve พลิกโฉมภาคเกษตรไทยสู่เครื่องยนต์เศรษฐกิจ Agripreneurs Thailand เวทีเกษตรกรรุ่นใหม่ วิสาหกิจชุมชน ก้าวสู่ผู้ประกอบธุรกิจอย่างมืออาชีพ
ผลลัพธ์ของโครงการศึกษาแนวทางการส่งเสริมและยกระดับเกษตรกรรุ่นใหม่และวิสาหกิจชุมชน ที่มุ่งสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างในภาคเกษตรไทย โดยผสมผสานแนวคิดทางธุรกิจ เทคโนโลยี และนวัตกรรมเข้าไปในกระบวนการผลิตและการตลาด เพื่อให้ภาคเกษตรของไทยกลายเป็นเครื่องยนต์สำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ
นายพีรพันธ์ คอทอง อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า ภาคการเกษตร เป็นเสาหลักของเศรษฐกิจและสังคมไทยมาโดยตลอด เกษตรกรรมไม่เพียงแต่เป็นแหล่งสร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรหลายล้านคนทั่วประเทศ แต่ยังเป็นอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพในการต่อยอดไปสู่ธุรกิจที่สร้างมูลค่าเพิ่ม หากสามารถบูรณาการการเกษตรเข้ากับแนวคิดธุรกิจสมัยใหม่ได้อย่างเป็นระบบ ไทยจะสามารถสร้าง New S-curve ด้านเกษตรกรรมที่สามารถแข่งขันได้ในระดับโลก
แนวคิดของการพัฒนาเศรษฐกิจไทยในปัจจุบันมุ่งไปที่การสร้างเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ (New Engine) ที่สามารถขับเคลื่อนประเทศให้เติบโตอย่างก้าวกระโดด หนึ่งในเครื่องยนต์สำคัญคือ เกษตรอุตสาหกรรมและธุรกิจเกษตร (Agripreneurship) ซึ่งต้องอาศัยการบูรณาการองค์ความรู้ทางการเกษตรเข้ากับเทคโนโลยี นวัตกรรม และการบริหารธุรกิจ
โครงการส่งเสริมและยกระดับเกษตรกรรุ่นใหม่และวิสาหกิจชุมชน เป็นตัวอย่างของการปูทางให้เกษตรกรไทยก้าว ข้ามบทบาทของผู้ผลิตไปสู่การเป็น นักธุรกิจเกษตร ที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตร สร้างแบรนด์ของตนเอง และพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ
“วันนี้ เราได้เห็นความสำเร็จของเกษตรกรรุ่นใหม่และวิสาหกิจชุมชนที่ผ่านการพัฒนาและได้รับการคัดเลือกจากโครงการนี้ จะเห็นได้จากผลิตภัณฑ์คุณภาพจากเกษตรกรรุ่นใหม่และวิสาหกิจชุมชนกว่า 15 ธุรกิจ โดยเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ภายใต้โครงการนี้ 5 ผลิตภัณฑ์ ”
ความสำเร็จของโครงการนี้สะท้อนให้เห็นว่า หากเกษตรกรได้รับการสนับสนุนที่เหมาะสม สามารถเข้าถึงองค์ความรู้ เทคโนโลยี และโอกาสทางการตลาด เกษตรไทยจะสามารถพัฒนาสินค้าและบริการที่มีคุณค่าและสามารถแข่งขันได้ในตลาดไทยและตลาดโลก เพื่อให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างยั่งยืน
นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีนโยบายมุ่งเน้นการส่งเสริมให้เกษตรกรไทยก้าวสู่การเป็น “Smart Farmer” และ “Agripreneur” เพื่อทำให้ประเทศไทยมีภาคการเกษตรที่ยั่งยืนและสร้างมูลค่าเพิ่ม ผ่านการสนับสนุนในด้านต่าง ๆ ได้แก่:
1.การพัฒนาทักษะด้านธุรกิจ – ส่งเสริมให้เกษตรกรมีความรู้ด้านการตลาด การเงิน และการบริหารธุรกิจ
2.การใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม – สนับสนุนการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการฟาร์มและเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ด้วยนวัตกรรม
3.การส่งเสริมการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ยั่งยืน – ผลักดันให้เกษตรกรคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและใช้แนวคิด การออกแบบอย่างยั่งยืน “Sustainable Design” ในการพัฒนาสินค้า
4.การเข้าถึงแหล่งเงินทุนและตลาด – สร้างโอกาสให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงเงินทุนและตลาดทั้งในและต่างประเทศผ่านแพลตฟอร์มที่หลากหลาย
“เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า หากสามารถขับเคลื่อนเกษตรกรไทยให้เป็นนักธุรกิจที่มีศักยภาพ ประเทศไทยจะสามารถสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำ และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับภาคการเกษตรได้อย่างมหาศาล ทำให้ภาคการเกษตร คือ อนาคตของเศรษฐกิจไทย ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน”
ด้านนายพีรพันธ์ กล่าวอีกว่า “NEW ENGINE FOR NEW S-CURVE” ภาคเกษตรจะพลิกโฉมสู่เครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ โดยใช้พลังและการขับเคลื่อนของเกษตรกรรุ่นใหม่ Young Farmers the New Engine for New Agricultural S Curve ซึ่งกรมส่งเสริมการเกษตร ขับเคลื่อนภาคเกษตรผ่านเกษตรกรรุ่นใหม่ ปัจจุบันมี Young Smart Farmer จำนวน 25,500 ราย Smart Farmer จำนวน 215,000 ราย และวิสาหกิจชุมชน กว่า 73,000 แห่ง และพัฒนาเป็นเครือข่ายวิสาหกิจชุมชนอีกกว่า 570 เครือข่าย
ในขณะที่ New Agricultural S Curve สินค้าเกษตรมูลค่าสูงเป็นสินค้าและผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ ในการช่วยให้เศรษฐกิจการเกษตรและเกษตรกรมีการเติบโตด้านรายได้สูง จะช่วยสร้างโอกาสทางธุรกิจ ในอนาคต ซึ่งตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในอนาคตและสิ่งแวดล้อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยกระบวนการผลิตที่ใช้ประโยชน์จากวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเข้มข้น เพื่อลดการสูญเปล่า สูญเสีย ในกระบวนการผลิต พัฒนายกระดับศักยภาพการผลิต รวมถึงสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่หรือคุณค่าใหม่
ดังนั้น การพัฒนายกระดับคุณค่าสินค้าเกษตรเพื่อเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ จึงเป็นการสร้างโอกาส ภาคการเกษตรของไทยเข้าร่วมห่วงโซ่อุปทานสินค้าที่เกิดขึ้นใหม่ อาทิ ธุรกิจอาหารเพื่อสุขภาพ ธุรกิจพลังงานชีวมวล ธุรกิจวัสดุชีวภาพ ธุรกิจเวชสำอางค์ ธุรกิจเภสัชภัณฑ์ โดยพึ่งพาความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีหมุนเวียน เทคโนโลยีสะอาดและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เทคโนโลยีดิจิทัล
อย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนภาคเกษตรสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ เกษตรกรและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ในห่วงโซ่อุปทานจะต้องมีความตระหนักถึงผลกระทบ ยอมรับการเปลี่ยนแปลง มีทัศนคติเชิงบวก และพัฒนาทักษะสมัยใหม่อยู่เสมอ เพื่อบรรเทาผลกระทบและสามารถปรับตัวจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ระบบเศรษฐกิจที่มีการเชื่อมต่อกันของผู้บริโภคและมาตรฐานสิ่งแวดล้อม
กรมส่งเสริมการเกษตรจึงได้แปลงนโยบายพัฒนาเกษตรกรของรัฐบาลและกระทรวงเกษตร และสหกรณ์สู่การปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม
โดยการพัฒนาเกษตรกรรุ่นใหม่ และวิสาหกิจชุมชนสู่ผู้ประกอบ การเกษตร (Agriperneurs) ที่มีทักษะสำคัญ 5 ด้าน ได้แก่ Growth Mindset and Anti Fragile, Learning Skill, Financial Literacy, Digital Literacy และ ESG Literacy for Resilience สามารถเรียนรู้ประยุกต์ ใช้ประโยชน์เพื่อแก้ปัญหาจากประสบการณ์จริง (Problems Base Learning) ปรับเพิ่มผลิตภาพการผลิตและพัฒนาสินค้าและผลิตภัณฑ์สินค้าเกษตรที่เป็น New Agricultural S Curve เกิดเป็นรายได้ใหม่ที่นำไปสู่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภาคเกษตรที่เติบโตขึ้นในอนาคตอันใกล้