WHAUP ระบุผลิตไฟฟ้าจากโซลาร์ฟาร์ม เผชิญข้อจำกัดด้านพื้นที่

ความต้องการไฟฟ้าของอุตสาหกรรมสมัยใหม่จะเพิ่มขึ้นหลายเท่า และจะต้องเป็นพลังงานที่มีเสถียรภาพและเป็นพลังงานสะอาด
กรุงเทพธุรกิจ จัดงานเสวนาโต๊ะกลมหัวข้อ “SMR ทางเลือก หรือ ทางรอด GREEN ENERGY” วันที่ 18 มี.ค.2568 ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ โดยมีผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐ เอกชน และนักวิชาการ ร่วมแสดงความคิดเห็นในหลายแง่มุมเกี่ยวกับ การลงทุนโรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ขนาดเล็ก (Small Modular Reactor: SMR)
นายอัครินทร์ ประเทืองสิทธิ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารและประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ดับบลิวเอชเอ ยูทิลิตี้ส์ แอนด์ พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ WHAUP กล่าวว่า อุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่กำลังเข้ามาลงทุนมีความต้องการไฟฟ้ามากกว่าปกติราว 12-16 เท่า อีกทั้งทุกคนยังต้องการพลังงานสีเขียว ซึ่งการพึ่งพาพลังงานโซลาร์ และลมยังไม่มีความเสถียร ถึงแม้ว่าจะเพิ่มการลงทุนแบตเตอรี่ด้วยแล้ว และราคาก็ลดลงเรื่อยๆ น่าจะสามารถแข่งขันได้
”อย่างไรก็ตาม การผลิตไฟฟ้าโซลาร์เซลล์ 400 เมกะวัตต์ จะต้องใช้พื้นที่ราว 7,000 ไร่ ขณะที่หากเป็น SMR ผลิตไฟฟ้าปริมาณเท่ากัน จะใช้พื้นที่เพียง 60-100 ไร่ ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยี ทั้งนี้ ข้อจำกัดทางพื้นที่ควรเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ต้องนำมาตัดสินใจด้วยว่าเราจะไปทางไหน“
ขณะเดียวกัน การพัฒนาของเทคโนโลยีของ SMR มีความน่าสนใจมากขึ้นในแต่ละเจนเนอเรชั่น โดยเฉพาะด้านความปลอดภัยที่มีเพิ่มขึ้น ซึ่งเจน 4 ที่กำลังเข้ามาในปี 2030 จะยิ่งมีความปลอดภัยกว่ารุ่นก่อนหน้า และเผชิญปัจจัยเสี่ยงได้ (Risk Factors) เช่น น้ำท่วม แผ่นดินไหว
“วันนี้ SMR ดูเหมือนเป็นทางรอดและที่สุดแล้วปลายทางก็ต้องใช้ แต่วันนี้ประเทศไทยยังไม่อยากเลือก แต่หากยังไม่ตัดสินใจและรอวันที่เทคโนโลยีคุ้มค่าแล้ว เราอาจต้องไปต่อคิว”
นายอัครินทร์ กล่าวต่อว่า วันนี้ภาครัฐต้องเริ่มวางแผนและการเตรียมพื้นที่ให้พร้อม รวมทั้งกฎระเบียบต่างๆ เพราะหากถึงวันที่ต้องใช้อาจเหลือเวลาไม่มากในการเลือกแล้ว ทั้งนี้ นักลงทุนที่จะเข้ามานั้นอยากได้พลังงานสะอาดที่มีเสถียรภาพ