NEDA พัฒนาเส้นทาง R11หนุนระเบียงเศรษฐกิจเชียงใหม่ - เวียงจันทน์

NEDA พัฒนาเส้นทาง R11หนุนระเบียงเศรษฐกิจเชียงใหม่ - เวียงจันทน์

โครงการถนนหมายเลข 11 เป็นโครงข่ายสำคัญเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจเชียงใหม่-เวียงจันทน์ ระยะทาง 230 กม. ลดเวลาเดินทาง 3-4 ชั่วโมง ส่งเสริมโลจิสติกส์ข้ามพรมแดนไทย-ลาว

KEY

POINTS

  • โครงการถนนหมายเลข 11 (R11) - เป็นโครงข่ายสำคัญเชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจเชียงใหม่-เ

เมื่อเร็วๆนี้สำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (องค์การมหาชน) หรือ สพพ. ได้จัดกิจกรรม "คาราวานสื่อมวลชนสัญจรไทย-สปป.ลาว" (Caravan Thailand - Lao PDR Press 2025) เพื่อส่งเสริมการรับรู้เกี่ยวกับโครงการพัฒนาระหว่างประเทศและกระชับความสัมพันธ์ผ่านเครือข่ายสื่อมวลชน พร้อมกับการหารือทวิภาคีระดับสูงระหว่างผู้บริหารของทั้งสองประเทศ

พิธีเปิดคาราวานสื่อมวลชนสัญจรไทย-สปป.ลาว

เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2568 นายพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการ สพพ. พร้อมด้วย นายพชรเสฏฐ์ บุญศิริสาริศา รองผู้ว่าราชการจังหวัดอุตรดิตถ์ ได้ร่วมเป็นประธานในพิธีเปิดขบวนคาราวานสื่อมวลชนสัญจรไทย-สปป.ลาว ณ โรงแรมสีหราช จังหวัดอุตรดิตถ์

การจัดกิจกรรมครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้คณะสื่อมวลชนจากประเทศไทยได้เดินทางสำรวจเส้นทางเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานที่เชื่อมโยงระหว่างสองประเทศ โดยใช้เส้นทางจากกรุงเทพฯ ผ่านพิษณุโลก ไปยังด่านภูดู่ จังหวัดอุตรดิตถ์ และต่อไปยังถนนหมายเลข R11 จนถึงนครหลวงเวียงจันทน์

NEDA พัฒนาเส้นทาง R11หนุนระเบียงเศรษฐกิจเชียงใหม่ - เวียงจันทน์

 

คณะสื่อมวลชนได้เยี่ยมชมพื้นที่โครงการก่อสร้างถนนหมายเลข 11 (R11) ช่วงครกข้าวดอ - บ้านโนนสะหวัน - สานะคาม - บ้านวัง - บ้านน้ำสัง สปป.ลาว รวมระยะทางประมาณ 230 กิโลเมตร เส้นทางดังกล่าวถือเป็นโครงข่ายสำคัญที่เชื่อมโยงระเบียงเศรษฐกิจ เชียงใหม่ - เวียงจันทน์ (Chiang Mai - Vientiane Economic Corridor: CVEC) รวมระยะทางประมาณ 629 กิโลเมตร

ถนนเส้นนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นเส้นทางคมนาคมและขนส่งที่มีมาตรฐานสูง สามารถช่วยลดระยะเวลาในการเดินทางได้ถึง 3-4 ชั่วโมง ทำให้การเดินทางสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น นอกจากนี้ ยังส่งเสริมศักยภาพด้านการท่องเที่ยวและโลจิสติกส์ข้ามพรมแดน เพิ่มโอกาสทางเศรษฐกิจ และกระตุ้นการค้าและการลงทุนระหว่างไทยและ สปป.ลาว ในอนาคต

NEDA พัฒนาเส้นทาง R11หนุนระเบียงเศรษฐกิจเชียงใหม่ - เวียงจันทน์

หารือทวิภาคีสองประเทศเสริมสร้างความร่วมมือ

ต่อมาในวันที่ 14 มีนาคม 2568 นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และนายพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการ สพพ. ได้เข้าร่วมหารือทวิภาคีกับ Mr. Phouvong Kittavong รองรัฐมนตรีกระทรวงการเงิน สปป.ลาว ณ โรงแรมเลอธาตุหลวง นครหลวงเวียงจันทน์

การหารือครั้งนี้จัดขึ้นเนื่องในโอกาสครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-สปป.ลาว และเป็นเวทีสำหรับหารือแนวทางพัฒนาโครงการสำคัญระหว่างสองประเทศ โดยมีประเด็นสำคัญดังนี้:

การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานและระบบการเงิน

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังได้หารือในประเด็นเกี่ยวกับโครงการพัฒนาและการเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อรองรับการขยายตัวของเศรษฐกิจ การเงินการคลัง และการค้าระหว่างประเทศ โดยไทยกำลังอยู่ระหว่างการจัดทำพระราชบัญญัติศูนย์กลางการประกอบธุรกิจทางการเงิน (Fin Hub)

นอกจากนี้ ยังมีการพัฒนาระบบ Cross-border QR Payment โดยเชื่อมโยง National ITMX (NITMX) ของไทย และ Lao National Payment Network (LAPNet) ของ สปป.ลาว เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระเงินข้ามพรมแดน ซึ่งฝ่ายไทยพร้อมให้การสนับสนุนด้านการพัฒนาศักยภาพระบบการเงินของ สปป.ลาว ผ่านการถ่ายทอดองค์ความรู้และความร่วมมือทางเทคนิคต่าง ๆ

การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ

ทั้งสองฝ่ายได้มีแนวทางร่วมกันในการส่งเสริมการค้าสินค้าอุตสาหกรรมและเกษตรกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมรถกระบะ เนื่องจากมีความต้องการยานพาหนะประเภทนี้เพิ่มขึ้นใน สปป.ลาว แนวทางนี้จะช่วยลดอุปสรรคทางการค้า และเพิ่มการอำนวยความสะดวกด้านศุลกากร เพื่อส่งเสริมให้การค้าชายแดนดำเนินไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ความก้าวหน้าและแผนการขยายความร่วมมือในอนาคต

นายพีรเมศร์ วุฒิธรเนติรักษ์ ผู้อำนวยการ สพพ. ได้รายงานถึงความก้าวหน้าของโครงการความร่วมมือระหว่าง สปป.ลาว และไทยในปัจจุบัน รวมถึงแผนการขยายความร่วมมือในอนาคต ซึ่งครอบคลุมหลายด้าน ได้แก่:

การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานสะอาด (Go Green) เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างความมั่นคงด้านพลังงานในภูมิภาค

การเสริมสร้างความร่วมมือด้านดิจิทัลและเทคโนโลยีทางการเงิน เพื่อยกระดับระบบการเงินของทั้งสองประเทศ

การขยายโครงการฝึกอบรมและพัฒนาศักยภาพบุคลากรของ สปป.ลาว เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการพัฒนาประเทศ

ความร่วมมือเหล่านี้จะช่วยให้ไทยและ สปป.ลาว สามารถพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน สร้างโอกาสใหม่ ๆ ทางการค้า และเสริมสร้างความเชื่อมโยงระหว่างประเทศให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น ในโอกาสครบรอบ 75 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ