ไทยจ่อปิดดีล  FTA ปีนี้ 3 ฉบับ แม้  FTAไทย-อียู สะดุด จากปมอุยกูร์

ไทยจ่อปิดดีล  FTA ปีนี้ 3 ฉบับ แม้  FTAไทย-อียู สะดุด จากปมอุยกูร์

พาณิชย์ยันเดินหน้าเจรจา FTA ไทย-อียู แม้รัฐสภายุโรป ประณามไทยส่งตัวอุยกูร์กลับ หวังปิดดีลให้ได้ปลายปีนี้ แต่หากสะดุด ไทยยังจ่อปิดดีล FTA ได้อีก 3 ฉบับ

KEY

POINTS

  • หวั่น ปมอุยกูร์ FTA ไทย-อียู “ชนวน”ทำให้การเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู หยุดชะงักได้เหมือนเช่นปี 2557 ที่อียูประกาศยุติการเจรจา หลังไทยเกิดการรัฐประหาร

ความตกลงการค้าเสรี หรือ FTA (เอฟทีเอ) ถือเป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างแต้มต่อทางการค้า ลดอุปสรรค และอำนวยความสะดวกทางการค้า ซึ่งการเจรจาเอฟทีเอถือเป็นนโยบายสำคัญของรัฐบาล

ล่าสุดเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา  ไทยได้ลงนาม FTA ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Association: EFTA) ประกอบด้วยสมาชิก 4 ประเทศ ได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และ ลิกเตนสไตน์   หลังเจรจากันมา 2 ปี  ถือเป็นฉบับแรกที่ไทยทำกับประเทศยุโรป และเป็นฉบับที่ 16 ของไทย ต่อจากเอฟทีเอไทย-ศรีลังกา 

โดยเอฟทีเอฉบับนี้ คาดหวังว่า จะปูทางการทำเอฟทีเอไทยกับสหภาพยุโรปหรืออียู ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว ซึ่งกระทรวงพาณิชย์หวังว่าจะปิดดีลเอฟทีเอฉบับนี้ให้ได้ปลายปี 2568

แต่..ก็เกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด เมื่อรัฐสภายุโรปโหวตประณามประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนในไทยกรณีการส่งชาวอุยกูร์ 40 คน กลับจีน โดยเรียกร้องกรรมาธิการยุโรป ให้ใช้การเจรจาการค้าเสรีไทยกับสหภาพยุโรป (อียู)เป็นแต้มต่อกดดันไทยให้ปฏิรูปกฎหมายที่จำกัดเสรีภาพ 

ขณะที่ความคืบหน้าการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรีไทย-อียู ดำเนินไปแล้ว 4 รอบ โดยสรุปผลการเจรจาได้ 2 บท และเริ่มหารือการเปิดตลาดสินค้า และบริการแล้ว ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์ ยืนยันว่า ปัญหาดังกล่าวไม่กระทบต่อการเดินหน้าเจรจา โดยจะมีการเจรจารอบที่ 5 ที่ฝ่ายอียูจะเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 31 มี.ค. - 4 เม.ย.2568 โดยไทยกับอียูมีเป้าหมายบรรลุผลการเจรจาข้อตกลงภายในวันที่ 25 ธ.ค.2568

ปม “อุยกรูย์”กลายเป็นประเด็นใหญ่ในเรื่องของสิทธิมนุษยชน ที่ถือเป็นเรื่องหลักของอียูในการเจรจาเอฟทีเอ ซึ่งหลายฝ่ายมองว่า ปมนี้จะทำให้การเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู ล่าช้าไปกว่าที่ได้กำหนดไว้ หากยังไม่มีความชัดเจนในเรื่องนี้ 

โดยเอฟทีเอไทย –อียู ฉบับนี้เป็นฉบับสำคัญที่ไทยคาดหวังไว้มากจะปิดดีลได้ในปีนี้หลังจากที่ประสบความสำเร็จลงนามเอฟทีเอไทย-เอฟตา เพื่อขยายโอกาสทางการค้าและการลงทุน ตลอดจนเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศและลดความเสี่ยงทางการค้าจากสงครามการค้ารอบ 2 จากนโยบายทรัมป์ 2.0  

โดยประเด็นนี้อาจเป็น “ชนวน”ทำให้การเจรจาเอฟทีเอไทย-อียู หยุดชะงักได้เหมือนเช่นปี 2557 ที่อียูประกาศยุติการเจรจา หลังไทยเกิดการรัฐประหาร  ซึ่งคงต้องติดตามความคืบหน้าเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด

 

ขณะที่การเจรจาเอฟทีเอฉบับอื่นๆมีความคืบหน้าไปเรื่อยๆ  โดยไทยปิดดีล FTA ไทย-ภูฏานได้แล้ว หลังใช้เวลาเจรจากันแค่ 9 เดือน กำลังเป็น FTA ฉบับที่ 17 ของไทย โดยทั้งสองฝ่ายเตรียมลงนาม FTA ไทย-ภูฏาน ในช่วงการประชุมผู้นำบิมสเทค ที่ไทยเป็นเจ้าภาพระหว่างวันที่ 2-4 เม.ย.2568 ที่จะถึงนี้

ส่วนเอฟทีเอฉบับอื่นๆที่ตั้งเป้าว่า จะปิดดีลการเจรจาให้ได้ภายในสิ้นปี 68  ประกอบด้วย

-เอฟทีอาเซียน – แคนาดา ได้มีการประชุมรอบที่ 11 แล้ว ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา  

-ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจ (Economic Partnership Agreement : EPA) ไทย-เกาหลีใต้  โดยทั้ง 2 ฝ่ายต้องการให้ลงนามความตกลง หรือประกาศความสำเร็จของการเจรจา EPA ระหว่างกันได้ในช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC Economic Leaders’ Meeting) ซึ่งเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพในเดือน ต.ค.นี้

รวมทั้งยกระดับFTA ที่ไทยมีอยู่แล้วให้มีความทันสมัยและทันต่อความเปลี่ยนแปลงของโลกการค้า ได้แก่  ความตกลงการค้าสินค้าของอาเซียน (ASEAN Trade in Goods Agreement: ATIGA) ความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-อินเดีย  ,FTA ไทย - เปรู   ,FTA อาเซียน-จีน

นอกจากนี้ยังจะเดินหน้า จัดทำความร่วมมือเพื่อนำไปสู่การเจรจา FTA ในอนาคตกับประเทศคู่ค้าศักยภาพ ได้แก่ ไทย-สหราชอาณาจักร, ไทย-ยูเรเซีย (Eurasian Economic Union: EAEU) ซึ่งประกอบด้วย 5 ประเทศ ได้แก่  รัสเซีย  เบลารุส  คาซัคสถาน อาร์เมเนีย และ คีร์กีซสถาน

ปัจจุบัน ไทยมีความตกลงการค้าเสรี (Free Trade Agreement: FTA) จำนวน 16 ฉบับ กับ 23 ประเทศ โดยแบ่งเป็นความตกลงระดับทวิภาคี 7 ฉบับ และระดับภูมิภาค 9 ฉบับ