เปิดเหตุผล คนไทยใช้น้ำมัน 'กลุ่มเบนซิน' เดือนม.ค.68 ลดลง

เปิดเหตุผล คนไทยใช้น้ำมัน 'กลุ่มเบนซิน' เดือนม.ค.68 ลดลง

เปิดเหตุผล ยอดใช้น้ำมันเบนซินม.ค.68ลดลง สวนทางการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและบริการ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

KEY

POINTS

  • ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เดือนม.ค. 2568 อยู่ที่ 157.56 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เป็นผล

นายสราวุธ แก้วตาทิพย์ อธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน กระทรวงพลังงาน เผยเปิดว่า ภาพรวมการใช้น้ำมันเชื้อเพลิง เดือนม.ค. 2568 อยู่ที่ 157.56 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 2.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการฟื้นตัวของภาคท่องเที่ยวและบริการ รวมทั้งมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แบ่งเป็น

  • น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ณ สถานีบริการเพิ่มขึ้น 0.4%
  • น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เพิ่มขึ้น 21% 
  • การใช้ LPGเพิ่มขึ้น 2.9% 
  • กลุ่มเบนซินลดลง 3.0% 
  • การใช้น้ำมันเตาเพิ่มขึ้น 3.7% 
  • และ NGV ลดลง 15.3% 

ทั้งนี้ จากรายละเอียดการใช้น้ำมันเชื้อเพลิงแต่ละชนิดในเดือนม.ค. 2568 เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน มีดังนี้

การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซิน เฉลี่ยอยู่ที่ 31.25 ล้านลิตร/วัน ลดลง 3.0% ประกอบด้วยการใช้แก๊สโซฮอล์ 91 ลดลงมาอยู่ที่ 6.68 ล้านลิตร/วัน แก๊สโซฮอล์ อี20 ลดลงมาอยู่ที่ 5.05 ล้านลิตร/วัน เบนซิน ลดลงมาอยู่ที่ 0.38 ล้านลิตร/วัน และแก๊สโซฮอล์ อี85 ลดลงมาอยู่ที่ 0.06 ล้านลิตร/วัน 

ขณะที่น้ำมันแก๊สโซฮอล์ 95 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 18.71 ล้านลิตร/วัน จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคเลือกใช้แก๊สโซฮอล์ 95 มากที่สุด โดยสาเหตุมาจากปัจจัยด้านประสิทธิภาพของเครื่องยนต์และราคา ซึ่งราคาแก๊สโซฮอล์ 95 สูงกว่าแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 0.37 บาท/ลิตร ในเดือนม.ค. 2568 แต่ในช่วงเดียวกันของปีก่อนราคาแก๊สโซฮอล์ 95 สูงกว่าแก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 1.76 บาท/ลิตร จึงทำให้ประชาชนเลือกใช้แก๊สโซฮอล์ 95 มากยิ่งขึ้น    

นอกจากนี้ สาเหตุที่การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินเริ่มเห็นสัญญาณของการชะลอตัวลงโดยมีสาเหตุมาจากหลายปัจจัย อาทิ การขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้า (BEV HEV และ PHEV) มีสัดส่วน 5.67% ของรถยนต์นั่งส่วนบุคคล ไม่เกิน 7 คน 1 รวมถึงการใช้งานระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนที่มีการขยายตัวของผู้โดยสารอย่างต่อเนื่องคิดเป็น 15.262% เทียบกับปีก่อน

นายสราวุธ กล่าวว่า สำหรับการใช้น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว ณ สถานีบริการ เฉลี่ยอยู่ที่ 68.16 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 0.4% ประกอบด้วยดีเซลหมุนเร็วธรรมดา เพิ่ม ขึ้นมาอยู่ที่ 68.03 ล้านลิตร/วัน ขยายตัวตามภาวะเศรษฐกิจจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ รวมถึงการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยวและการส่งออกสินค้า ประกอบกับนโยบายตรึงราคาน้ำมันดีเซลเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อภาระค่าครองชีพของประชาชน  

โดยในปัจจุบันกรมธุรกิจพลังงาน ปรับลดสัดส่วนการผสมไบโอดีเซลลงเป็น ดีเซลหมุนเร็ว บี5 มีผลตั้งแต่วันที่ 21 พ.ย. 2567 ตามมติคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบน.) เมื่อวันที่ 7 พ.ย. 2567 เนื่องจากราคาผลปาล์มทะลายและน้ำมันปาล์มดิบปรับตัวสูงส่งผลต่อราคาไบโอดีเซล สำหรับการใช้ดีเซลพื้นฐาน เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 1.85 ล้านลิตร/วัน ขณะที่ดีเซลหมุนเร็ว บี20 ลดลงมาอยู่ที่ 0.132 ล้านลิตร/วัน ทั้งนี้ ภาพรวมปริมาณการใช้น้ำมันกลุ่มดีเซลอยู่ที่ 70.01 ล้านลิตร/วัน

การใช้น้ำมันอากาศยานเชิงพาณิชย์ (Jet A1) เฉลี่ยอยู่ที่ 19.81 ล้านลิตร/วัน เพิ่มขึ้น 21% มีปัจจัยมาจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของภาคท่องเที่ยวและการบริการผ่านมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่องของภาครัฐ โดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่าจากสถิตินักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยตั้งแต่วันที่ 1 - 31 ม.ค. 2568 มีจำนวนสะสม 3.709 ล้านคน เพิ่มขึ้น 22.2% เทียบกับเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว รวมถึงการขยายตัวของการขนส่งสินค้าทางอากาศ ส่งผลให้ปริมาณการใช้ปรับตัวสูงขึ้นจากปีก่อน

การใช้ LPG เฉลี่ยอยู่ที่ 16.66 ล้านกก./วัน เพิ่มขึ้น 2.9% โดยเป็นการเพิ่มขึ้นทุกรายสาขา ประกอบด้วยการใช้ในภาคครัวเรือน เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.17 ล้านกก./วัน ภาคปิโตรเคมีเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 6.10 ล้านกก./วัน ภาคขนส่ง เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.306 ล้านกก./วัน จากการขยายตัวของกลุ่มรถแท็กซี่เป็นสำคัญ และภาคอุตสาหกรรม เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 2.09 ล้านกก./วัน

การใช้ NGV เฉลี่ยอยู่ที่ 2.47 ล้านกก./วัน ลดลง 15.3% โดยมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่องสอดคล้องกับจำนวนรถจดทะเบียน NGV สะสม และจำนวนสถานีบริการ NGV ที่มีแนวโน้มปิดตัวลง ทั้งนี้ ปตท. ยังคงช่วยเหลือโดยตรึงราคาให้กับ กลุ่มรถแท็กซี่และรถโดยสารสาธารณะที่ถือบัตรสิทธิประโยชน์ ปัจจุบันดำเนินการอยู่ในระยะที่ 2 (1 ก.ค. 2567 - 31 ธ.ค. 2568)

การนำเข้าน้ำมันเชื้อเพลิง เฉลี่ยอยู่ที่ 1,126,251 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 7.6% คิดเป็นมูลค่าการนำเข้ารวม 94,549 ล้านบาท/เดือน โดยเป็นการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 1,095,257 บาร์เรล/วัน เพิ่มขึ้น 11.1% คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าน้ำมันดิบอยู่ที่ 92,565 ล้านบาท/เดือน 

สำหรับการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูป (น้ำมันเบนซินพื้นฐาน น้ำมันดีเซลพื้นฐาน น้ำมันอากาศยาน และ LPG) อยู่ที่ 30,993 บาร์เรล/วัน ลดลง 49.2% คิดเป็นมูลค่าการนำเข้าน้ำมันสำเร็จรูปอยู่ที่ 1,984 ล้านบาท/เดือน

การส่งออกน้ำมันสำเร็จรูป เฉลี่ยอยู่ที่ 146,143 บาร์เรล/วัน ลดลงร้อยละ 8.0 เป็นการส่งออกน้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันอากาศยาน และ LPG คิดเป็นมูลค่าส่งออกรวม 13,819 ล้านบาท/เดือน