ข้อพิพาท 'เชฟรอน' ยุติ ปมรื้อถอนแท่นปิโตรเลียม 'เอราวัณ-บงกช'

ข้อพิพาท 'เชฟรอน' ยุติ ปมรื้อถอนแท่นปิโตรเลียม 'เอราวัณ-บงกช'

"กระทรวงพลังงาน" ระบุ ข้อพิพาทเกี่ยวกับกฎหมายการรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณ และบงกชได้ข้อยุติแล้ว

รายงานข่าวระบุว่า ตามมติจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 18 มี.ค.2568 ได้รับทราบตามที่กระทรวงพลังงาน เสนอรายงานความก้าวหน้าการดำเนินงานเกี่ยวกับกระบวนการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการ กรณี บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด และ มิตซุย ออยล์ เอ็กซโปลเรชั่น คัมปะนี ลิมิเต็ด 

ทั้งนี้ ปรากฏว่ากระบวนการเจรจาเกี่ยวกับข้อพิพาทด้านกฎหมายการรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมในแหล่งเอราวัณ และกรณีบริษัท โททาล เอนเนอร์ยี่ส์ อีพี ไทยแลนด์ ได้ข้อยุติเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่งผลให้กรณีข้อพิพาทด้านกฎหมายการรื้อถอนแท่นปิโตรเลียมทั้งของแหล่งเอราวัณ และแหล่งบงกช ได้ข้อยุติทั้ง 2 กรณี หลังจากที่มีการหารือ และดำเนินกระบวนการทางกฎหมายมาอย่างต่อเนื่อง

ข้อพิพาท \'เชฟรอน\' ยุติ ปมรื้อถอนแท่นปิโตรเลียม \'เอราวัณ-บงกช\'

โดยรายละเอียดของการรื้อถอนสิ่งติดตั้ง ของแหล่งเอราวัณ คือ ตามสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 1/2515/5 และเลขที่ 2/2515/6 แหล่งเอราวัณ เมื่อสิ้นสุดอายุสัมปทานในปี 2565 ผู้รับสัมปทานต้องส่งมอบสิ่งติดตั้งให้แก่รัฐเพื่อใช้ประโยชน์ต่อในกิจการปิโตรเลียม จำนวน 159 รายการ และต้องดำเนินการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ จำนวน 52 รายการ 

และตามสัมปทานปิโตรเลียมเลขที่ 5/2515/9 และเลขที่ 3/2515/7 แหล่งบงกช เมื่อสิ้นสุดสัมปทานในปี 2565 และปี 2566 ผู้รับสัมปทานต้องส่งมอบสิ่งติดตั้งให้แก่รัฐ จำนวน 66 รายการ และต้องดำเนินการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้ จำนวน 4 รายการ

ทั้งนี้ กรณีเกี่ยวกับ ข้อพิพาทด้านกฎหมาย การรื้อถอนแท่นปิโตรเลียม ของแหล่งเอราวัณ และบงกชเกิดขึ้นเมื่อช่วงปี พ.ศ. 2562-2563 จากการที่บริษัทผู้รับสัมปทาน ได้แก่ บริษัท เชฟรอนประเทศไทยสำรวจและผลิต จำกัด และมิตซุย ออยล์ เอ็กซโปลเรชั่น คัมปะนี ลิมิเต็ด ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมแหล่งเอราวัณ และบริษัท โททาล เอนเนอร์ยี่ส์ อีพี ไทยแลนด์

ซึ่งเป็นผู้รับสัมปทานปิโตรเลียมแหล่งบงกช ได้ยื่นข้อเรียกร้อง และนำคดีเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ ในประเด็นที่เห็นต่างกรณีกระทรวงพลังงานออกกฎหมายเกี่ยวกับการรื้อถอน สิ่งติดตั้งที่ใช้ในกิจการปิโตรเลียม ซึ่งกำหนดหน้าที่ให้ผู้รับสัมปทานต้องวางหลักประกันการรื้อถอน และร่วมรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการรื้อถอนบางส่วนของสิ่งติดตั้งภายหลังสัมปทานปิโตรเลียมสิ้นสุดลง ในปี 2565 - 2566 

โดยตลอดระยะเวลาการพิจารณาคดีนั้น ฝ่ายไทยได้มีการแต่งตั้งที่ปรึกษาทั้งใน และต่างประเทศ เพื่อดำเนินกระบวนการอย่างต่อเนื่อง จนกระทั่งคู่กรณีมีการเจรจาเพื่อหาข้อยุติอย่างฉันท์มิตร จนสามารถยุติข้อพิพาทได้ โดยในกรณีของบริษัท โททาล เอนเนอร์ยี่ส์ อีพี ไทยแลนด์ ได้มีการเพิกถอนข้อพิพาทเมื่อวันที่ 10 มีนาคม 2566 และกระทรวงพลังงานได้นำเสนอเรื่องต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อรับทราบเมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2567 

สำหรับกรณีของบริษัท เชฟรอนประเทศไทย สำรวจและผลิต จำกัด และมิตซุย ออยล์ เอ็กซโปลเรชั่น คัมปะนี ลิมิเต็ด คณะอนุญาโตตุลาการได้มีคำชี้ขาดตามยอมเป็นที่พอใจ และยอมรับของทุกฝ่าย และจำหน่ายคดีออกจากสารบบ โดยผู้รับสัมปทานได้ยอมรับปฏิบัติตามคำชี้ขาดตามยอม และไม่นำข้อเรียกร้องกลับมาฟ้องร้องอีก

ผลของคำชี้ขาดตามยอมดังกล่าวเป็นไปตามหลักการของกฎหมาย และภาครัฐไม่เสียประโยชน์ พร้อมทั้งผู้รับสัมปทานได้รับผิดชอบดำเนินการรื้อถอนสิ่งติดตั้งที่รัฐไม่ได้รับมอบภายใต้การกำกับดูแลของกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติตามกฎหมายเกี่ยวกับการรื้อถอนมาอย่างต่อเนื่อง 

ผลของการยุติข้อพิพาทในครั้งนี้ส่งผลให้ข้อเรียกร้องทั้งสองคดีถูกเพิกถอนโดยถาวร โดยที่รัฐไม่เสียประโยชน์ และเป็นการเสริมสร้างบรรยากาศที่ดีให้กับภาคเอกชนสำหรับการลงทุนในประเทศไทย พร้อมทั้งเดินหน้าประสานความร่วมมือระหว่างภาครัฐกับภาคเอกชน เพื่อสนับสนุนความมั่นคงทางพลังงานของประเทศอย่างต่อเนื่อง

นับว่าเป็นการบรรลุข้อตกลงซึ่งเป็นที่ยอมรับของทุกฝ่าย รวมทั้งการดำเนินงานรื้อถอนของผู้รับสัมปทานจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตปิโตรเลียมของผู้รับสัญญาแบ่งปันผลผลิตปัจจุบันด้วย
 

 


พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์