ถอดบทเรียนสร้าง 'ทางด่วนชั้น 2' กทพ.ต้องคุมเข้มความปลอดภัย

อุบัติเหตุสะพานก่อสร้างทรุดตัวในพื้นที่ที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง โครงการพระราม 3 - ดาวคะนอง - วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บไม่สาหัส จำนวน 24 ราย และเสียชีวิต จำนวน 5 ราย อีกทั้งยังกระทบต่อโครงการทางพิเศษเฉลิมมหานคร ได้รับความเสียหายฝั่งขาออกมุ่งหน้าทางแยกต่างระดับดาวคะนอง และต้องปิดให้บริการเพื่อซ่อมแซมเป็นเวลา 30 วัน

จากเหตุการณ์ดังกล่าว “สุรเชษฐ์ เหล่าพูลสุข” ผู้ว่าการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ออกมาระบุว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นบทเรียนสำคัญที่ กทพ.จะนำไปใช้ในการปรับปรุงมาตรฐานความปลอดภัยให้เข้มงวดยิ่งขึ้น โดยจะมีการตรวจสอบ กำกับดูแลโครงการก่อสร้างทุกแห่งให้ได้มาตรฐาน โปร่งใส และรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดโศกนาฎกรรมเช่นนี้อีก ทั้งนี้ความปลอดภัยของประชาชนและเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานต้องมาก่อน ซึ่งเราจะทบทวนมาตรการทุกอย่างให้รัดกุมขึ้น

ขณะที่โครงการลงทุนภายใต้การดูแลของ กทพ. พบว่าปัจจุบันยังมีโครงการทางพิเศษที่กำลังอยู่ระหว่างเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยเป็นโครงการที่ต้องก่อสร้างเป็นลักษณะ “โครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 หรือ Double Deck” ก่อสร้างซ้อนทับอยู่บนแนวทางพิเศษศรีรัช จึงนับเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ กทพ.ต้องคุมเข้มด้านความปลอดภัย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อประชาชนและผู้ใช้ทางด่วนในปัจจุบัน

“สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงอุบัติเหตุกรณีเครนทรุดในโครงการทางด่วนพระราม 3 ซึ่งเกิดขึ้นในส่วนของสัญญา 3 งานก่อสร้างทางยกระดับคร่อมตามแนวเส้นทางทางด่วนเฉลิมมหานครที่เปิดให้บริการอยู่ และส่งผลกระทบต่อการให้บริการประชาชนนั้น ตนมองว่าอุบัติเหตุครั้งนี้ต้องนำมาถอดบทเรียนยกระดับด้านความปลอดภัย

แต่เบื้องต้นจะยังคงเดินหน้าโครงการทางด่วนชั้น 2 ที่จะคร่อมไปตามแนวทางด่วนศรีรัช แต่ต้องคุมเข้มหามาตรการควบคุมไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ และต้องเกิดความปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชน โดยสถานะปัจจุบันโครงการนี้อยู่ในขั้นตอนสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) พิจารณา หลังจากนั้นจึงจะเสนอกลับมายังกระทรวงคมนาคม ก่อนเสนอไปยัง ครม.อนุมัติดำเนินโครงการ

สำหรับโครงการทางพิเศษยกระดับชั้นที่ 2 (Double Deck) มีแนวเส้นทางช่วงงามวงศ์วาน-พระราม 9 โดยเบื้องต้น กทพ.ศึกษาคาดว่าใช้เงินลงทุนราว 3 หมื่นล้านบาท โดยนับเป็นโครงการเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรบนโครงข่ายทางพิเศษ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาได้รับการร้องเรียนจากประชาชนจำนวนมาก ว่าการจราจรติดขัดสาหัส โดยเฉพาะบริเวณช่วงทางแยกต่างระดับพญาไท ที่ด้านเหนือไปประชาชื่น และด้านใต้ไปบางโคล่

โดยมีแนวโครงการมีจุดเริ่มต้นบริเวณถนนงามวงศ์วาน และสิ้นสุดโครงการที่บริเวณถนนพระราม 9 รวมระยะทาง 17 กิโลเมตร ขณะที่ทิศทางไป-กลับ จะมีรวม 4 ช่องจราจร หรือนับเป็น 2 ช่องจราจรต่อทิศทาง พร้อมทั้งก่อสร้างด่านเก็บค่าผ่านทางเพิ่มเติม จำนวน 2 แห่ง คือ บริเวณประชาชื่น และบริเวณมักกะสัน

ทางขึ้น-ลง จะมี 3 ตำแหน่ง ประกอบด้วย

1. ทางขึ้น-ลงจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณถนนงามวงศ์วาน

2. ทางขึ้น-ลงบริเวณย่านพหลโยธิน

3. ทางขึ้น-ลงจุดสิ้นสุดโครงการบริเวณโรงพยาบาลพระราม 9

และตำแหน่งที่มีเฉพาะทางลง 1 ตำแหน่ง ได้แก่ ทางลงบริเวณทางแยกต่างระดับมักกะสัน

สำหรับพื้นที่ศึกษาของโครงการทางด่วนชั้นที่ 2 ครอบคลุมพื้นที่บางส่วนใน 2 จังหวัด ได้แก่

• จังหวัดกรุงเทพมหานคร จำนวน 7 เขต ได้แก่ เขตบางซื่อ เขตจตุจักร เขตพญาไท เขตดุสิต เขตราชเทวี เขตดินแดง และเขตห้วยขวาง
• จังหวัดนนทบุรี จำนวน 1 อำเภอ คือ อำเภอเมืองนนทบุรี