รู้จัก ‘ภาษีการรับให้’ ปมร้อนฝ่ายค้านอภิปรายนายกฯ แพทองธาร

รู้จัก ‘ภาษีการรับให้’  ปมร้อนฝ่ายค้านอภิปรายนายกฯ แพทองธาร

รู้จักภาษีการรับให้ ปมร้อนฝ่ายค้านอภิปรายนายกฯ แพทองธาร ทำนิติกรรมอำพรางรับหุ้นจากบุคคลในครอบครัว เปิดสาระสำคัญการรับทรัพย์สินที่มูลค่าเกิน 20 ล้าน ต้องเสียภาษี!

กลายเป็นประเด็นร้อนในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เมื่อวิโรจน์ ลักขณาอดิศร รองหัวหน้าพรรคประชาชน(ปชน.) ได้หยิบประเด็นการอภิปรายโดยกล่าวหาว่า นายกรัฐมนตรีหลีกเลี่ยงการเสียภาษีการรับให้ โดยทำนิติกรรมอำพรางการรับหุ้นจากบุคคลในครอบครัว โดยการออกตั๋ว PN เป็นสัญญาการกู้เงินมูลค่ารวมกว่า 4.4 พันล้าน ทำให้ไม่ต้องเสียภาษีการรับให้มูลค่ารวมประมาณ 218 ล้านบาทเศษ

“กรุงเทพธุรกิจ” พาไปรู้จักกับ “ภาษีการรับให้” ว่ามีรายละเอียด และความสำคัญอย่างไร

ภาษีการรับให้ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า "ภาษีการให้" (Gift Tax) คือ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่จัดเก็บจากทรัพย์สินที่ได้รับจากการให้โดยเสน่หา ก่อนผู้ให้เสียชีวิต ภาษีนี้มีขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับการจัดเก็บภาษีการรับมรดก และป้องกันการหลีกเลี่ยงภาษีมรดก

ภาษีการรับให้ มีผลบังคับใช้เมื่อใด?

ภาษีการรับให้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2559 เป็นต้นมา ตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลรัษฎากร (ฉบับที่ 40) พ.ศ.2558 และ (ฉบับที่ 43) พ.ศ.2559

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีการรับให้ แบ่งออกเป็น 2 กรณีหลักๆ ดังนี้

1.กรณีการให้อสังหาริมทรัพย์:

  • ผู้ที่โอนกรรมสิทธิ์หรือสิทธิครอบครองในอสังหาริมทรัพย์ เป็นผู้มีหน้าที่เสียภาษี เช่น บิดา มารดาที่โอนที่ดินให้บุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย (ไม่รวมบุตรบุญธรรม)

 

2.กรณีการให้สังหาริมทรัพย์:

  • บุคคลธรรมดาที่ได้รับเงินได้จากการอุปการะหรือจากการให้โดยเสน่หาจากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส เฉพาะส่วนที่เกิน 20 ล้านบาทต่อปีภาษี
  • บุคคลธรรมดาที่ได้รับเงินได้จากการอุปการะโดยหน้าที่ธรรมจรรยา หรือจากการให้โดยเสน่หาเนื่องในพิธีหรือโอกาสตามประเพณี จากบุคคลอื่นที่ไม่ใช่บุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส เฉพาะส่วนที่เกิน 10 ล้านบาทต่อปีภาษี

ทรัพย์สินที่ต้องนำมาคำนวณภาษีการรับให้ ได้แก่:

  • อสังหาริมทรัพย์ (ที่ดิน อาคาร)
  • หลักทรัพย์ (หุ้น พันธบัตร)
  • เงินฝาก
  • ยานพาหนะ
  • ทรัพย์สินทางการเงินอื่นๆ

รู้จัก ‘ภาษีการรับให้’  ปมร้อนฝ่ายค้านอภิปรายนายกฯ แพทองธาร

การคิดอัตราภาษีการรับให้ 

ผู้มีหน้าที่เสียภาษีการรับให้ ต้องเสียภาษีในอัตราดังนี้

  1. กรณีอสังหาริมทรัพย์: ผู้โอนเสียภาษี 5% ของมูลค่าทรัพย์สินส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท หรือนำไปรวมคำนวณกับเงินได้พึงประเมินอื่นก็ได้
  2. กรณีสังหาริมทรัพย์: ผู้รับเสียภาษี 5% ของมูลค่าทรัพย์สินส่วนที่เกิน 20 ล้านบาท (กรณีรับจากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส) หรือ 10 ล้านบาท (กรณีรับจากบุคคลอื่น) หรือนำไปรวมคำนวณกับเงินได้พึงประเมินอื่นก็ได้

ตัวอย่างการคำนวณภาษี

  • ตัวอย่างที่ 1: นาย ก. ได้รับที่ดินจากคุณพ่อ มูลค่า 30 ล้านบาท
    • มูลค่าทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษี: 30,000,000 - 20,000,000 = 10,000,000 บาท
    • ภาษีที่ต้องชำระ: 10,000,000 x 5% = 500,000 บาท
  • ตัวอย่างที่ 2: นาง ข. ได้รับเงินสดจากเพื่อน มูลค่า 15 ล้านบาท
    • มูลค่าทรัพย์สินที่ต้องเสียภาษี: 15,000,000 - 10,000,000 = 5,000,000 บาท
    • ภาษีที่ต้องชำระ: 5,000,000 x 5% = 250,000 บาท

อัตราภาษี และการยกเว้น

อัตราภาษีการรับให้คือร้อยละ 5 ของมูลค่าทรัพย์สินส่วนที่เกินจากมูลค่าที่ได้รับการยกเว้น โดยมีรายละเอียดดังนี้:

  • กรณีรับจากบุพการี ผู้สืบสันดาน หรือคู่สมรส: ยกเว้นภาษีสำหรับมูลค่าไม่เกิน 20 ล้านบาท
  • กรณีรับจากบุคคลอื่น: ยกเว้นภาษีสำหรับมูลค่าไม่เกิน 10 ล้านบาท

การยื่นแบบแสดงรายการ

  • ผู้เสียภาษีสามารถเลือกเสียภาษี 5% โดยไม่ต้องนำไปรวมกับเงินได้อื่น หรือเลือกนำไปรวมกับเงินได้อื่นเพื่อคำนวณภาษีตามปกติก็ได้
  • กรณียื่นแบบกระดาษ ให้ระบุจำนวนเงินได้ และภาษีในรายการ "เงินได้จากการให้หรือการรับ"
  • กรณียื่นแบบออนไลน์ (E-Filing) เลือก "เงินได้จากการให้หรือการรับ (มาตรา 40(8))" ระบุเงินได้พึงประเมิน ภาษีหัก ณ ที่จ่าย (ถ้ามี) และทำเครื่องหมาย "ต้องการเสียภาษีโดยไม่รวม"

กำหนดการยื่นแบบฯ

ภาษีการรับให้ถือเป็นเงินได้ประเภทที่ 8

  • เงินได้ระหว่าง ม.ค. - มิ.ย. ยื่นแบบ ภ.ง.ด.94 ภายใน ก.ย. ของปีภาษี
  • เงินได้ระหว่าง ม.ค. - ธ.ค. ยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 ภายใน ม.ค. - มี.ค. ของปีถัดจากปีภาษี (ยื่นออนไลน์ขยายเวลา 8 วัน)

สำหรับแหล่งข้อมูลเพิ่มเติมศึกษาเพิ่มได้ที่เว็บไซต์ 

 

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์