จับตาจ่ายไร่ละพันแลกลดปลูกข้าวถก"นบข."แก้ราคา-ส่งออกร่วง

จับตาจ่ายไร่ละพันแลกลดปลูกข้าวถก"นบข."แก้ราคา-ส่งออกร่วง

ข้าวคืออาหารหลักของประชากรมากกว่า 3.5 ล้านคนทั่วโลก โดยประเทศไทยถือเป็นผู้ส่งออกข้าวที่สำคัญของโลก มีพื้นที่ปลูกข้าวมากกว่า50% ของพื้นที่เพาะปลูกของประเทศ

และมีชาวนาประมาณ 18 ล้านคน หรือคิดเป็น 25% ของจำนวนประชากรในประเทศไทยแต่ในปี 2568 สินค้าข้าวกำลังเผชิญมรสุมลูกใหญ่

     เมื่อเร็วๆนี้ พิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยตัวเลขส่งออกไทยเดือนก.พ. 2568 ขยายตัว 14% คิดเป็นมูลค่า 26,707.1 ล้านดอลลาร์หรือ 906,520 ล้านบาท แต่หากพิจารณาเฉพาะสินค้าข้าวจะพบว่าเดือนก.พ.การส่งออกข้าวของไทยิ หดตัวถึง34.3%  และเป็นการหดตัวต่อเนื่อง 4 เดือน  สาเหตุหลักมาจากการส่งออกลดลงในตลาดสหรัฐ แอฟริกาใต้ โกตดิวัวร์ แองโกลา และเซเนกัล อย่างไรก็ตาม ยังพบการขยายตัวในตลาดอิรัก จีน ฮ่องกง เกาหลีใต้ และแคนาดา

จากสถานการณ์การส่งออกที่ไม่สดใส ย่อมส่งผลต่อราคาข้าวเปลือกในประเทศ ซึ่งข้อมูลจากสมาคมโรงสีข้าวไทยระบุว่า ราคาข้าวเปลือกเจ้า ณ วันที่ 19 มี.ค. 2568 (จ.อยุธยา) ความชื้น 15% ตันละ 7,800-8,200 บาท ลดลงจากตันละ 8,100-5,500 บาท เมื่อ 12 มี.ค. 2568  ด้านราคาข้าวเปลือกหอมมะลิ (67/68) จ.อุบลราชธานี ตันละ 16,000 ไม่เปลี่ยนแปลง 

แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า วุฒิไกร ลีวีระพันธุ์ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะกรรมการและเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) เตรียมส่งหนังสือถึง พิชัย ชุณหวชิรรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธาน นบข. เรื่อง สรุปผลประชุมนบข.ครั้งที่ 1/2568(เมื่อ 26 ก.พ. 2568) และสิ่งที่ส่งมาด้วย ได้แก่ 

1. สรุปผลการประชุมคณะกรรมการนบข.ฯ 2. ร่างคำสั่งคณะอนุกรรมการพัฒนาการผลิตข้าวให้สอดคล้องกับตลาด และ 3. โครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ปี 2568

สาระสำคัญของหนังสือระบุถึง มติที่ประชุมที่เห็นชอบการสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ปีการผลิต 2568 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่ หรือ ไม่เกินครัวเรือนละ 10,000 บาท สำหรับเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนเพาะปลูกข้าวนาปรังปี 2568 กับกรมส่งเสริมการเกษตร และเตรียมการวางแผนปรับเปลี่ยนพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังบางส่วนที่ไปปลูกพืชอื่นที่ให้มูลค่าสูงขึ้น  หรือ ปรับเปลี่ยนพันธุ์ข้าวที่เพาะปลูกให้สอดคล้องกับความต้องการตลาด 

นอกจากนี้ หนังสือยังระบุถึง การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาการผลิตข้าวให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด รวมถึงการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวในระยะยาวที่เป็นการเพิ่มระดับผลิตภาพ (Productivity)

ทั้งนี้ ได้ยกร่างโครงการสนับสนุนเงินช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวนาปรัง ปี 2568ตามที่นบข.มีมติเห็นชอบ โดย ภายใต้เงื่อนไขให้เกษตรกรที่ได้รับการสนับสนุนเงินช่วยเหลือ เกษตรกรหรือชาวนาต้องทำสัญญากับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เพื่อวางแผนปรับเปลี่ยนพื้นที่เพาะปลูกข้าวนาปรังในพื้นที่ไม่เหมาะสมบางส่วนไปปลูกพืชอื่นที่ให้มูลค่าสูง หรือปรับเปลี่ยนพันธุ์ข้าวที่เพาะปลูกให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดภายในระยะเวลา 3 ปี โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนการเพาะปลูกเป็นผู้ส่งเสริมสนับสนุน และกำกับดูแล และกระทรวงพาณิชย์สนับสนุนด้านการตลาด เช่น การทำสัญญาล่วงหน้า การเชื่อมโยงเข้าสู่ตลาด

 แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ กล่าวต่อว่า สำหรับการร่างข้อเสนอของกระทรวงพาณิชย์ ที่ต้องการให้เกษตรกรปรับเปลี่ยนที่นาของชาวนาเพื่อลดปริมาณผลผลิตข้าวไปปลูกพืชอื่น โดย รมว.พาณิชย์ ได้หารือกับรองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง อย่างไม่เป็นทางการ ว่า ให้แบ่งที่นาบางส่วนมาปลูกกล้วย เพราะญี่ปุ่นต้องการจำนวนมาก แต่ประเทศไทยผลิตได้ตามที่มีโควตากับญี่ปุ่นไว้ ส่วนรองนายกฯพิชัย ต้องการให้แบ่งที่นาบางส่วนไปทำการเลี้ยงกุ้ง เพราะความต้องการยังสูงในตลาดโลก

ก่อนหน้านี้ นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรสหกรณ์ กล่าวว่า นบข.ได้ออกมาตรการช่วยเหลือข้าวนาปีและจะออกมาตรการข้าวนาปรังเพิ่มเติม เพื่อดูดซับข้าวออกจากตลาด โดยมีเป้าหมายที่จะเอาข้าวออกจากตลาดเพื่อทำให้ราคาข้าวไม่ปรับตัวลงมากกว่าที่เป็นอยู่

โดยมาตรการนี้จะนำเสนอที่ประชุม นบข.เร็วๆนี้ เพื่อให้มาตรการออกมาทันช่วงมีปริมาณข้าวพันธุ์ดีอีกจำนวนหนึ่งจะออกมาสู่ตลาดเพิ่มเติม

ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ระบุถึงการประชุมคณะอนุกรรมการนโยบายและบริหารข้าวแห่งชาติด้านการตลาดว่า ที่ประชุมเห็นชอบมาตรการรักษาเสถียรภาพราคาข้าวเปลือกนาปรัง ปี 2568 ซึ่งเป็นมาตรการพิเศษ ที่ปกติจะใช้เฉพาะการดูแลข้าวเปลือกนาปี3 มาตรการ คือ 1.สินเชื่อชะลอนาปรัง ช่วยค่าฝากเก็บ 1,500 บาทต่อตัน หากเกษตรกรเก็บไว้ในยุ้งฉางของตัวเอง และได้ 1,000 บาทต่อตัน หากเก็บที่สหกรณ์ โดยสหกรณ์ได้ 500 บาทต่อตัน ต้องเก็บข้าวไว้ 1-5 เดือน เป้าหมาย 1.5 ล้านตัน

2.ชดเชยดอกเบี้ยให้กับผู้ประกอบการโรงสี 6% ต้องเก็บสต๊อกไว้ 2-6 เดือน และต้องซื้อข้าวสูงกว่าราคาตลาด 200 บาทต่อตันขึ้นไป เป้าหมาย 2 ล้านตัน

3.เปิดจุดรับซื้อข้าวเปลือก โดยรัฐสนับสนุนค่าบริหารจัดการ 500 บาทต่อตัน และผู้ประกอบการต้องรับซื้อข้าวสูงกว่าตลาด 300 บาทต่อตัน เป้าหมาย 3 แสนตัน รวมปริมาณข้าว 3.8 ล้านตัน ใช้งบประมาณรวม 1,893 ล้านบาท

“ทั้ง 3 มาตรการนี้ วงเงิน 1,893 ล้านบาท โดยจะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (นบข.) เพื่อขออนุมัติเร็วๆนี้”

จับตาจ่ายไร่ละพันแลกลดปลูกข้าวถก\"นบข.\"แก้ราคา-ส่งออกร่วง