ราคาน้ำมันดิบสูงขึ้น ตลาดวิตกอุปทานจากเวเนซุเอลา สำรองน้ำมันลด

รอยเตอร์ รายงานภาวะตลาดน้ำมันดิบโลกวันพุธ (26 มี.ค.) หรือเมื่อคืนที่ผ่านมาตามเวลาในไทยว่า ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ล่วงหน้าเพิ่มขึ้น 77 เซ็นต์ หรือ 1.05% ปิดที่ 73.79 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส อินเตอร์มีเดียต

ล่วงหน้า (WTI) เพิ่มขึ้น 65 เซ็นต์ หรือ 0.94% ปิดที่ 69.65 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล

ราคาน้ำมันดิบทั้งสองตลาดซึ่งเป็นราคาอ้างอิงทั่วโลก เพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลระหว่างการซื้อขาย

สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงาน (EIA) เปิดเผยเมื่อวันพุธว่าปริมาณน้ำมันดิบในคลังสำรองของสหรัฐฯ ลดลงในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากโรงกลั่นยังคงเร่งการผลิต ในขณะที่ปริมาณน้ำมันเบนซินและน้ำมันกลั่นก็ลดลงเช่นกัน

EIA ระบุว่า ปริมาณน้ำมันดิบคงคลังลดลง 3.3 ล้านบาร์เรล เหลือ 433.6 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 21 มีนาคม ซึ่งลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ในการสำรวจของรอยเตอร์ซึ่งอยู่ที่ 956,000 บาร์เรล

ขณะเดียวกัน การซื้อขายน้ำมันเวเนซุเอลากับผู้ซื้อรายใหญ่อย่างจีนชะงักลงในวันอังคาร หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ขู่ว่าจะเรียกเก็บภาษีนำเข้าจากประเทศที่ซื้อน้ำมันจากเวเนซุเอลา เพียงไม่กี่วันหลังจากที่สหรัฐฯ คว่ำบาตรการนำเข้าน้ำมันจากอิหร่านของจีน

เมื่อวันจันทร์ ทรัมป์ได้ลงนามในคำสั่งฝ่ายบริหารที่ให้เรียกเก็บภาษีนำเข้าน้ำมันดิบและเชื้อเพลิงเหลวจากเวเนซุเอลาในอัตรา 25%

“ตลาดมีความกังวลเกี่ยวกับการมาตรการน้ำมันเหล่านี้ ซึ่งอาจทำให้เราสูญเสียอุปทานได้” จอห์น คิลดัฟฟ์ หุ้นส่วนของบริษัทจัดการกองทุน Again Capital LLC ในนิวยอร์กกล่าว

“การส่งออกของเวเนซุเอลาอาจลดลงมากถึง 35% และความยากลำบากในเชิงพาณิชย์อาจก่อให้เกิดคอขวดที่อาจนำไปสู่การหยุดการผลิตซึ่งคิดเป็นปริมาณมากถึง 400,000 บาร์เรลต่อวัน ซึ่งมากกว่าครึ่งหนึ่งของการส่งออกน้ำมันของเวเนซุเอลา” นักวิเคราะห์ของธนาคาร Barclays กล่าวในบันทึก

นักวิเคราะห์กล่าวว่าเวเนซุเอลาอาจสูญเสียรายได้ 4.9 พันล้านดอลลาร์ หรือมากกว่า 10% ของ GDP น้ำมันเป็นสินค้าส่งออกหลักของเวเนซุเอลา และจีนเป็นเป้าหมายของภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ

ผู้ค้าและบริษัทผู้กลั่นน้ำมันของจีนกล่าวว่าพวกเขากำลังรอดูว่าปักกิ่งจะสั่งให้พวกเขาหยุดซื้อหรือไม่

“ตลาดน้ำมันกำลังตึงตัวเนื่องจากการไหลเวียนเปลี่ยนไป จากการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ” แอชลีย์ เคลตี้ นักวิเคราะห์ของ Panmure Liberum กล่าว

สัปดาห์ที่แล้ว วอชิงตันยังได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อการขายน้ำมันของอิหร่าน โดยกำหนดเป้าหมายไปที่บริษัทต่างๆ รวมถึงบริษัท Shouguang Luqing Petrochemical ซึ่งเป็นโรงกลั่นอิสระในมณฑลซานตงของจีน และเรือที่ส่งน้ำมันไปยังโรงงานดังกล่าว

“กลุ่มโอเปกพลัส อาจเพิ่มการผลิตเพื่อรองรับการคว่ำบาตรที่อาจเกิดขึ้นจากสหรัฐฯ ซึ่งจะช่วยชดเชยการสูญเสียการส่งออกน้ำมันของอิหร่านที่อาจจะมากถึง 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน โดยไม่ทำให้ราคาน้ำมันโลกผันผวน” จอร์จ เลออน หัวหน้าฝ่ายวิเคราะห์ภูมิรัฐศาสตร์ของบริษัทวิจัยและที่ปรึกษา Rystad Energy กล่าว

ด้านปัจจัยจำกัดการขึ้นของราคาน้ำมัน สหรัฐฯ ได้บรรลุข้อตกลงกับยูเครนและรัสเซียเพื่อหยุดการโจมตีทางทะเลและเป้าหมายด้านพลังงาน โดยวอชิงตันตกลงที่จะผลักดันให้ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรบางส่วนต่อมอสโก

จอห์น คิลดัฟฟ์ จาก Again Capital กล่าวว่า มาตรการนี้ช่วยชดเชยน้ำมันที่หายไปบางส่วนจากสถานการณ์ในเวเนซุเอลา และเสริมว่าเขาคาดว่าจะเห็นอุปทานของรัสเซียในตลาดเพิ่มขึ้น

ด้านอเล็กซ์ โฮเดส นักวิเคราะห์ของ StoneX กล่าวว่า “ทั้งจีนและอินเดียน่าจะหันมาซื้อน้ำมันดิบรัสเซียที่ถูกคว่ำบาตรมากขึ้น แทนที่จะซื้อน้ำมันดิบเวเนซุเอลาที่มีความเสี่ยงสูงกว่าและถูกสหรัฐติดตามอย่างใกล้ชิด”

เคียฟและมอสโกต่างกล่าวว่าพวกเขาจะพึ่งพาให้วอชิงตันบังคับใช้ข้อตกลงหยุดยิงนี้ ขณะเดียวกันก็แสดงความไม่ไว้วางใจอีกฝ่าย