SME D Bank เผยดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอี Q1 พุ่ง รับเศรษฐกิจฟื้น

SME D Bank เผยดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอี Q1 พุ่ง รับเศรษฐกิจฟื้น

SME D Bank เผยดัชนีเชื่อมั่นเอสเอ็มอี ไตรมาส 1 ปี 2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้น รับแรงหนุนเศรษฐกิจฟื้น พบเอสเอ็มอียังกังวลต้นทุนประกอบการ

ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.) หรือ SME D Bank เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ไตรมาส 1 ปี 2568 พบว่า ปรับตัวสูงขึ้นอย่างโดดเด่น สะท้อนความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว ส่งผลให้ผู้ประกอบการมีความต้องการขยายการลงทุนในอนาคต 

โดย “ศูนย์วิจัยและข้อมูล ธพว.” ร่วมกับ บริษัท เอ็กเซลเลนท์ บิสเนส แมเนจเม้นท์ จำกัด ทำการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นจากผู้ประกอบการเอสเอ็มอีทั่วประเทศจำนวน 500 ราย ครอบคลุมทุกประเภทอุตสาหกรรม พบว่า ดัชนีรวมความเชื่อมั่นในไตรมาส 1/2568 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 55.21 ในไตรมาสก่อนหน้า มาอยู่ที่ระดับ 62.40 ปัจจัยหลักมาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ การขยายตัวของการบริโภคและการท่องเที่ยว รวมถึงการลงทุนของภาครัฐ

นายพิชิต มิทราวงศ์ กรรมการผู้จัดการ SME D Bank กล่าวว่า ผลสำรวจครั้งนี้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในด้านผลประกอบการที่ได้รับอานิสงส์จากคำสั่งซื้อและการลงทุนที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการประกอบธุรกิจที่ยังคงเป็นปัจจัยกดดันอยู่

รายงานระบุว่า ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของเอสเอ็มอีปรับตัวดีขึ้น ได้แก่

การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ: การเติบโตทางเศรษฐกิจโดยรวมเป็นปัจจัยหลักที่สร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ประกอบการ
การบริโภคและการท่องเที่ยว: การขยายตัวของภาคการบริโภคและการท่องเที่ยวส่งผลดีต่อธุรกิจเอสเอ็มอี
 

การลงทุนภาครัฐ: โครงการลงทุนต่างๆ ของภาครัฐช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างโอกาสทางธุรกิจ

เสถียรภาพของปัจจัยทางเศรษฐกิจ: ความมีเสถียรภาพของอัตราแลกเปลี่ยนและอัตราดอกเบี้ยช่วยลดความกังวลของผู้ประกอบการ

ทั้งนี้ กลุ่มวิสาหกิจรายย่อย (Micro) มีดัชนีความเชื่อมั่นสูงที่สุดอยู่ที่ 65.20 สะท้อนให้เห็นว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐส่งผลดีต่อผู้ประกอบการกลุ่มนี้ ขณะที่ผู้ประกอบการในภาคการผลิตและการท่องเที่ยวมีความเชื่อมั่นในระดับสูงสุดเช่นกัน

สำหรับแนวโน้มในอีก 3 เดือนข้างหน้า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีความเชื่อมั่นเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ระดับ 70.10 โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจและการบริโภคจะยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐจะช่วยสนับสนุนการเติบโต อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการยังคงกังวลเกี่ยวกับต้นทุนการประกอบธุรกิจที่จะกลับมาเป็นปัจจัยกดดันอีกครั้ง

เตรียมขยายลงทุนเพิ่ม

ผลสำรวจยังพบว่า ผู้ประกอบการเอสเอ็มอีมีความต้องการที่จะขยายการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยมีปัจจัยหลักมาจากโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อขยายกำลังการผลิตและการลงทุนในโครงการใหม่

ขณะเดียวกัน สัดส่วนผู้ประกอบการที่มีความต้องการสินเชื่อในอีก 3 เดือนข้างหน้าอยู่ที่ 52.20% โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน (41.20%) และเพื่อการลงทุน (11.00%) อย่างไรก็ตาม แม้จะมีความต้องการลงทุนเพิ่มขึ้น แต่ความต้องการสินเชื่อเพื่อการลงทุนไม่ได้สูงมากนัก เนื่องจากหลายธุรกิจมีสภาพคล่องเพียงพอที่จะขยายธุรกิจได้ด้วยตนเอง

SME D Bank เตรียมสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ 

จากผลสำรวจที่บ่งชี้ว่าผู้ประกอบการมีความเชื่อมั่นและต้องการเงินทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพ แต่ยังกังวลเรื่องต้นทุนที่เพิ่มขึ้น SME D Bank จึงได้เตรียมผลิตภัณฑ์สินเชื่อพิเศษเพื่อช่วยบรรเทาภาระและลดต้นทุนทางการเงินให้กับผู้ประกอบการ โดยมีจุดเด่นคือ อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3% ต่อปี ใน 3 ปีแรก และผ่อนชำระนานสูงสุด 10 ปี ประกอบด้วย

สินเชื่อ "ปลุกพลัง SME" วงเงินกู้สูงสุด 1.5 ล้านบาท เหมาะสำหรับผู้ประกอบการรายเล็กที่ต้องการเข้าถึงแหล่งเงินทุน

สินเชื่อ "Beyond ติดปีก SME" วงเงินกู้สูงสุด 15 ล้านบาท สนับสนุนให้เอสเอ็มอีที่มีศักยภาพสามารถขยายธุรกิจได้

สินเชื่อ “SME Green Productivity” วงเงินกู้สูงสุด 10 ล้านบาท สนับสนุนให้ผู้ประกอบการลงทุนในเครื่องจักร ระบบ และอุปกรณ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและช่วยลดการใช้พลังงาน

นายพิชิต กล่าวเพิ่มเติมว่า SME D Bank หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผลิตภัณฑ์สินเชื่อเหล่านี้จะช่วยเสริมศักยภาพและลดภาระทางการเงินให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ให้สามารถเติบโตและเป็นกำลังสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป