ร่าง พ.ร.ก. เพิ่มอำนาจ ก.ล.ต. ลงดาบนักปั่นหุ้น ปราบทุจริตตลาดทุน

นายพรชัย ฐีระเวช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ในฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ที่ประขุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ (27 มี.ค.) มีมติเห็นชอบในหลักการของร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. ..... ยกระดับการกำกับดูแลกิจการและมาตรการบังคับใช้กฎหมายในตลาดทุนให้มีความรัดกุมและเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชนและนักลงทุนได้อย่างรวดเร็วและทันการณ์ ตลอดจนป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจและสังคม

โดย ร่าง พ.ร.ก. ฉบับนี้มุ่งเน้นการเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุนผ่านการปรับปรุงกฎหมายใน 6 ประเด็นสำคัญ ได้แก่
 

1. เพิ่มประสิทธิภาพการกำกับดูแลการขายชอร์ต กำหนดให้ผู้ลงทุนที่ขายชอร์ตต้องแสดงหลักฐานการยืมหลักทรัพย์ก่อนส่งคำสั่ง และกำหนดให้ผู้ให้บริการในต่างประเทศรายงานข้อมูลผู้ถือหลักทรัพย์ที่แท้จริงต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) พร้อมกำหนดบทลงโทษทางอาญาสำหรับผู้ฝ่าฝืนหลักเกณฑ์

2. ยกระดับการทำหน้าที่ของผู้ประกอบการในตลาดทุน เพิ่มความเข้มแข็งของบริษัทที่ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน โดยกำหนดหลักเกณฑ์การให้ความเห็นชอบ การปฏิบัติหน้าที่ และบทลงโทษทางอาญาสำหรับผู้ประกอบวิชาชีพ เช่น ผู้สอบบัญชี ที่ปรึกษาทางการเงิน ที่ปฏิบัติหน้าที่โดยบกพร่อง รวมถึงกำหนดโทษปรับเป็นพินัยสำหรับความผิดเล็กน้อย ควบคู่ไปกับโทษทางปกครองเดิม
 

3. ขยายสิทธิผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ กำหนดให้ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้มีสิทธิในการดำเนินการต่างๆ ในกระบวนการฟื้นฟูกิจการและล้มละลายจนกว่าคดีจะสิ้นสุด เพื่อให้ผู้ถือหุ้นกู้ได้รับการคุ้มครองสิทธิอย่างเต็มที่ โดยไม่ตัดสิทธิผู้ถือหุ้นกู้ในการดำเนินการด้วยตนเอง

4. บังคับรายงานข้อมูลการก่อภาระผูกพันในหลักทรัพย์ กำหนดให้ผู้ถือหลักทรัพย์ต้องรายงานข้อมูลการนำหลักทรัพย์ไปจำนำหรือก่อภาระผูกพันต่อ ก.ล.ต. พร้อมกำหนดบทลงโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืน และให้อำนาจ ก.ล.ต. ในการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อประชาชน เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและให้นักลงทุนมีข้อมูลประกอบการตัดสินใจ

5. เพิ่มมาตรการยับยั้งธุรกรรมที่ไม่เป็นธรรม: กำหนดมาตรการทางกฎหมายเพื่อป้องกันธุรกรรมที่อาจเป็นการเอาเปรียบหรือก่อให้เกิดความเสียหายแก่นักลงทุน รวมถึงเพิ่มอำนาจให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของ ก.ล.ต. ในการสืบสวน สอบสวน ยึด หรืออายัดทรัพย์สินของผู้กระทำความผิด และปล่อยทรัพย์สินที่จำเป็นต่อการดำเนินธุรกิจตามปกติได้

6. เพิ่มประสิทธิภาพการสอบสวนคดีที่มีผลกระทบรุนแรง: กำหนดให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของ ก.ล.ต. มีอำนาจสืบสวนและสอบสวนการกระทำความผิดในคดีที่มีผลกระทบสูง (High Impact) ต่อความเชื่อมั่นในตลาดทุนหรือระบบเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อนและเร่งรัดการนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษได้อย่างทันท่วงที 

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การออกร่าง พ.ร.ก. ฉบับนี้จะช่วยเสริมสร้างความเชื่อมั่นในตลาดทุน ยกระดับการกำกับดูแล และเพิ่มประสิทธิภาพในการบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการปกป้องนักลงทุนและรักษาเสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจโดยรวม โดยหลังจากนี้ ร่าง พ.ร.ก. ดังกล่าวจะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาตามขั้นตอนทางกฎหมายต่อไป