'เอกชน' ทวงสัญญา 'พีระพันธุ์' ลดค่าไฟฟ้า 40 สตางค์

"เอกชน" ทวงสัญญาจี้ "พีระพันธุ์" ลดค่าไฟฟ้างวด 2 เดือนพ.ค.-ส.ค. 2568 ลงอีก 40 สตางค์ต่อหน่วย หลัง "กกพ." ประกาศตรึงค่าไฟที่ 4.15 บาทต่อหน่วย
ผ่านมาแล้วร่วม 6 เดือน นับตั้งแต่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ประกาศว่า สามารถลดค่าไฟลงได้ถึง 40 สตางค์ ต่อหน่วย ล่าสุด สำนักงานกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ประกาศเรียกเก็บค่าไฟฟ้างวด 2 เดือนพ.ค.-ส.ค. 2568 ตรึงราคาไว้เท่าเดิมที่ 4.15 บาทต่อหน่วย
แหล่งข่าวจากกลุ่มอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากกรณีที่ นายพีระพันธุ์ ได้เสนอแนวทางในการปรับลดค่าไฟ โดยได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อหาแนวทางปรับลดค่าไฟมาตั้งแต่เดือนก.ย. ปี 2567 ที่ผ่านมา ให้ต่ำกว่า 4 บาทต่อหน่วย หรืออย่างน้อย 40 สตางค์ต่อหน่วย โดยวิธีแก้ไขโครงสร้างและหลักเกณฑ์หลายอย่าง โดยเฉพาะการปรับระบบ Pool Gas
ทั้งนี้ ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา นายพีระพันธุ์ ได้สั่งให้ สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ชะลอแผนลดค่าไฟที่เสนอให้ลดลง 17 สตางค์ต่อหน่วย และยืนยันว่าแนวทาง Pool Gas จะสามารถลดค่าไฟได้มากกว่าที่ กกพ. พิจารณา ทั้งการปรับสัดส่วนเชื้อเพลิงที่ใช้ผลิตไฟฟ้า ที่มาจากก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทย, ก๊าซฯ จากเมียนมา และ LNG นำเข้า ที่ยังมีราคาผันผวน
"ตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา ยังมีความหวังว่า นายพีระพันธุ์ จะทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงได้ถึง 40 สตางค์ ตามที่ประกาศไว้ว่าจะทันในงวด 2 คือเดือน พ.ค.-ส.ค. 2568"
ในขณะที่ เมื่อวันที่ 26 มี.ค. 2568 ที่ประชุม บอร์ด กกพ. ได้มีมติให้ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่ 4.15 บาทต่อหน่วย หรือเท่ากับงวดแรก เดือนม.ค.-เม.ย. 2568 ดังนั้น ส่วนตัวจึงมองว่านโยบายลดค่าไฟฟ้างวด 2 ของปี 2568 ที่นายพีระพันธุ์ ประกาศว่าจะต้องลดลงมากกว่า 4.15 บาทต่อหน่วย ที่เคยสัญญาไว้นั้นไม่สามารถทำได้
นอกจากนี้ คณะทำงานที่นายพีระพันธุ์จัดตั้งขึ้นเพื่อศึกษาการลดค่าไฟเป็นเวลานานถึง 6 เดือน ยังไม่มีข้อสรุป หรือสุดท้ายแล้วการลดค่าไฟ 40 สตางค์ต่อหน่วย อาจเป็นเพียงแค่การหาเสียง หรือหาความนิยมทางการเมืองเท่านั้น
"นายพีระพันธุ์เป็นคนที่เบรกแผนลดค่าไฟ 17 สตางค์ต่อหน่วย ของสำนักงาน กกพ. โดยให้เหตุผลเรื่องการทบทวนสัญญาซื้อไฟจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจนว่า แนวทางดังกล่าวจะสามารถลดค่าไฟได้จริงหรือไม่"
ดังนั้น การที่พีระพันธุ์ไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบที่ ประชาชนต้องจ่ายค่าไฟฟ้าในอัตราเดิมในช่วงหน้าร้อนโดยเฉพาะเดือนเม.ย.-พ.ค. ที่อุณหภูมิประเทศไทยถือว่าสูงสุดและต้องใช้ไฟฟ้ามากที่สุด อีกทั้ง กกพ. ยนยันว่า พรบ.ประกอบกิจการพลังงานให้อำนาจคณะกรรมการกิจการพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ทบทวนแก้ไขสัญญาซื้อไฟฟ้าหมุนเวียนที่ราคาแพงกว่าต้นทุนที่แท้จริงได้
- “พีระพันธุ์” มีนโยบายจะแก้ปัญหา" ค่าไฟแพง" ผ่านมาครึ่งปีประชาชนยังคงต้องจ่ายค่าไฟในอัตราเดิมคือ 4.15 บาทต่อหน่วย
- เอกชนหวังเห้นค่าไฟจะลดลงได้ถึง 40 สตางค์ ตามที่นายพีระพันธุ์ เสนอ และทันใช้รอบบิล พ.ค.-ส.ค. 68 แต่ 26 มี.ค. 68 บอร์ด กกพ. กลับมีมติให้ตรึงค่าไฟฟ้าไว้ที่ 4.15 บาท
- "พีระพันธุ์" เบรกแผนลดค่าไฟ 17 สตางค์ต่อหน่วย ของกกพ. โดยให้เหตุผลเรื่องการทบทวนสัญญาซื้อไฟจากโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน แต่จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีความชัดเจน