เปิดผลงาน 6 เดือนเ รมว.กระทรวงพาณิชย์ "พิชัย นริพทะพันธุ์”

ส่องผลงาน 6 เดือน “พิชัย นริพทะพันธุ์” ดันส่งออกเติบโตต่อเนื่อง 5 เดือน ดูแลราคาสินค้าเกษตร เจรจา FTA ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
KEY
POINTS
- ผลงาน 6 เดือน ““พิชัย นริพทะพันธุ์”
- ส่งออกไทย ก.พ.68 โต 14% เฉลี่ย 5 เดือนขยายตัว 11.8 %
- ลนาม FTA ไทย-สมา
นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เข้าดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ตั้งแต่เดือน ก.ย.ปี 67 จนถึงปัจจุบันผ่านมากว่า 6 เดือน โดยแถลงนโยบายการทำงานในกระทรวงพาณิชย์รวม 10 ข้อ
ประกอบด้วย 1.ลดรายจ่ายเพิ่มรายได้ ขยายโอกาส
2.บริหารให้เกิดความสมดุลระหว่างผู้บริโภคผู้ประกอบการ
3.ทำงานเชิงรุกพาณิชย์จังหวัดและทูตพาณิชย์ให้เกิดประสิทธิภาพ
4.ปรับปรุงกฎหมายล้าสมัยล้าสมัย รองรับการค้าโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว
5.การขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจฐานราก
6.การผลักดันการส่งออก จากเป้าหมายเดิมที่คาดว่าปีนี้จะขยายตัว1-2%
7.ผลักดันการใช้ประโยชย์จากความตกลงการค้าเสรีหรือFTA
8.การพาธุรกิจไทยบุกต่างประเทศ
9.ปรับโครงสร้างส่งออกให้ทันสมัย
10.ส่งเสริมผู้ประกอบการผลิตสินค้ารักสิ่งแวดล้อม
โดยในช่วงการทำงานที่ผ่านมา นายพิชัย ได้ขับเคลื่อนงานตามนโยบาย เริ่มจากการเดินทางไปต่างประเทศอย่างต่อเนื่องหลายประเทศ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทางการค้า ขณะที่การผลักดันการส่งออกจะเห็นว่า ตลอด 5 เดือนที่ผ่านมา ตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ การส่งออกไทยเติบโตต่อเนื่อง
โดยมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 11.8% โดยเดือนต.ค.2567 เพิ่มขึ้น 14.6% พ.ย. 2567 เพิ่มขึ้น 8.2% ธ.ค. 2567 เพิ่มขึ้น 8.7% ม.ค. 2568 เพิ่มขึ้น 13.6% และ ล่าสุดการส่งออกไทยเดือน ก.พ.2568 มีมูลค่า 26,707.1 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 14% เป็นการขยายตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 8 ติดต่อกัน และคาดว่าการส่งออกในเดือน มี.ค.จะบวกเป็นตัวเลข 2 หลักอีก
ด้านการเจรจาข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) ที่ยังค้างและกำลังเจรจาใหม่ โดยเมื่อปลายเดือน ม.ค.ได้ลงนาม FTA ไทย-สมาคมการค้าเสรีแห่งยุโรป (European Free Trade Associations : EFTA) ที่ประกอบด้วยสมาชิก 4 ประเทศคือ สวิตเซอร์แลนด์ นอร์เวย์ ไอซ์แลนด์ และลิกเตนสไตน์ ซึ่งเป็นกรอบการค้าที่ใหญ่มาก ประชาชนของทั้ง 4 ประเทศมีรายได้ต่อหัวสูง และเป็นข้อตกลงสำคัญที่ไทยสามารถทำกับประเทศในยุโรปได้ กระตุ้นให้หลายประเทศสนใจประเทศไทยและยังเป็นเอฟทีเอฉบับแรกของไทยกับประเทศในยุโรป แล ะล่าสุด ไทยกำลังจะได้ลงนาม FTA กับภูฏาน ซึ่งเตรียมลงนามอย่างเป็นทางการในวันที่ 4 เม.ย. นี้
ส่วน FTA ที่กำลังเร่งเจรจาคือ FTA ไทยกับสหภาพยุโรป (EU) คาดว่าจะสามารถปิดดีลได้ภายในวันที่ 25 ธ.ค.นี้ รวมทั้ง กำลังเร่งเจรจา FTA กับแคนาดา เกาหลีใต้ และยูเออี เพื่อขยายโอกาสทางการค้าของไทยให้มากขึ้น
ในด้านการแก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ นายพิชัย ได้เดินหน้ามาตรการช่วยเหลือเกษตรกรในหลายด้าน โดยเฉพาะพืชเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นข้าว มันสำปะหลัง ข้าวโพด ปาล์มน้ำมัน
โดยการแก้ปัญหาราคาข้าวตกต่ำ นายพิชัยได้เรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายข้าวด้านการตลาด ออกมามาตรการแก้ปัญหาข้าวนาปรังราคาตกจากการกลับมาส่งออกของอินเดีย รัฐบาลจึงเร่งช่วยเหลือเกษตรกร โดยให้เงินสนับสนุน 1,000 บาทต่อไร่ ครัวเรือนละไม่เกิน 10 ไร่
นอกจากนี้เปิดเสรีการส่งออกข้าว ทลายทุนผูกขาดข้าว ผ่านมาตรการลดสต๊อกในการส่งออกที่ดำเนินการแล้ว และลดค่าธรรมเนียมหนังสืออนุญาตให้ผู้ประกอบการส่งออกข่าว ซึ่งกำลังรอเข้า ครม. ในเดือน เม.ย.นี้ ส่วนข้าวนาปี ยังมีแผนลดต้นทุนการผลิต ปุ๋ยเคมีและยาปราบศัตรูพืชในราคาพิเศษ
ส่วนผลไม้ ซึ่งเป็นสินค้าเกษตร ส่งออกสำคัญของไทยก็ ได้ร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ออกมาตรการบริหารจัดการผลไม้ ปี 2568 รวม 7 มาตรการ 25 แผนงาน ที่ครอบคลุมผลไม้หลักทุกชนิด เป้าหมาย 9.5 แสนตัน เพื่อให้ผลไม้ราคาดีทั้งปี
ในด้านของการปราบปรามสินค้าด้อยคุณภาพจากต่างประเทศที่ไม่ได้มาตรฐานและกวาดล้างธุรกิจนอมินี หลังดำเนินมาตรการอย่างเข้มข้น สินค้าด้อยคุณภาพจากต่างประเทศที่ทะลักเข้าแพลตฟอร์มออนไลน์ สามารถดำเนินคดีไปแล้วกว่า 24,626 คดี รวมมูลค่าความเสียหาย 1,257 ล้านบาท และสามารถเก็บ VAT ได้ 1,500 ล้านบาท และสามารถกวาดล้างธุรกิจนอมินีได้ถึง 851 ราย มูลค่าความเสียหาย 15,121 ล้านบาท
นี่คือภาพรวมการทำงานตลอด 6 เดือนที่ผ่านมาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ “พิชัย นริพทะพันธุ์” ซึ่งนายพิชัย ได้ยืนยันกลางที่ประชุมสภาผู้แทนราษฏรในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ”นางสาว แพรทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้ เศรษฐกิจไทยกำลังฟื้นตัวและเดินหน้าอย่างแข็งแกร่ง ทั้งจากการส่งออกที่ขยายตัว การลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มขึ้น และมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรที่เป็นรูปธรรม
พร้อมเชื่อมั่นว่าหากสามารถแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือนได้ เศรษฐกิจไทยจะสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในระยะยาว