ลุ้น Entertainment complex บูมท่องเที่ยว สร้างจุดหมายปลายทางใหม่

ลุ้น Entertainment complex บูมท่องเที่ยว สร้างจุดหมายปลายทางใหม่

พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร เข้าสภา ผู้ประกอบการท่องเที่ยวลุ้น Entertainment complex บูมการท่องเที่ยว สร้างจุดหมายปลายทางใหม่

การพัฒนาสถานบันเทิงครบวงจร (Entertainment complex) มีการกำหนดกรอบที่ตั้งในเมืองท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลคาดหวังให้เป็นแหล่งเที่ยวที่ถูกสร้างขึ้น (Man-made Destination) โดยรัฐบาลประเมินว่าแต่ละแห่งจะมีการลงทุน 100,000 ล้านบาท และเมืองท่องเที่ยวที่ถูกมองไว้ว่าจะมีการลงทุนสถานบันเทิงครบวงจร คือ กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี และภูเก็ต

ในขณะที่การขับเคลื่อน Entertainment complex คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.สถานบันเทิงครบวงจร เมื่อวันที่ 27 มี.ค.2568 และเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร โดยแนวทางการพัฒนา Entertainment complex ตามร่างกฎหมาย ประกอบด้วย 9 ประเภทธุรกิจ คือ

  • ห้างสรรพสินค้า
  • โรงแรม
  • สถานบริการ
  • สนามกีฬา
  • ยอร์ชและครูซซิ้งคลับ
  • สถานที่เล่นเกม
  • สระว่ายน้ำและสวนน้ำ
  • สวนสนุก
  • กิจกรรมอื่นตามที่คณะกรรมการนโยบายกำหนด

นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (ทีเอชเอ) กล่าวว่า การพัฒนา Entertainment complex ให้สนับสนุนการท่องเที่ยวจะต้องเป็นจุดหมายใหม่ หรือเดสติเนชั่นใหม่ โดยพื้นที่ที่มีการคาดการณ์จะมีการลงทุนเป็นเมืองท่องเที่ยวหลักในปัจจุบัน ซึ่งได้สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวระดับสูงและมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก

ดังนั้น การพัฒนาจะต้องพิจารณาโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรบางประเภทที่อาจไม่เพียงพอรองรับความต้องการของนักท่องเที่ยว เช่น ภูเก็ต และพัทยา ซึ่งที่ผ่านมาในช่วงฤดูร้อนพบปัญหาน้ำไม่เพียงพอรองรับนักท่องเที่ยว โดยภาครัฐอาจพิจารณาเลือกที่ตั้ง Entertainment complex ให้เป็นเดสติเนชั่นแห่งใหม่ และอยู่ในทำเลไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เพื่อทำให้การเดินทางสะดวก และเชื่อมต่อระบบขนส่งที่หลากหลาย

สำหรับ Entertainment complex ในมุมการท่องเที่ยวจะเป็นการรวบรวมความหลากหลายรองรับการท่องเที่ยว โดยรองรับกลุ่มครอบครัวที่เข้ามาใช้บริการผ่านการทำกิจกรรมต่างๆ ที่เหมาะสมกับแต่ละวัย และจะทำให้พื้นที่ใกล้เคียง Entertainment complex ได้รับการพัฒนาไปด้วย

“ส่วนตัวสนใจเมืองลาสเวกัสสหรัฐ พัฒนาจากเมืองทะเลทรายสร้างเอนเทอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์จนเกิดความเจริญ ทำให้เมืองสามารถขยายตัวได้อย่างรวดเร็ว” นายเทียนประสิทธิ์ กล่าว

นอกจากนี้ การพัฒนา Man-made Destination ในต่างประเทศส่วนใหญ่พัฒนาในเขตนอกเมือง เช่น ยูนิเวอร์แซล ซึ่งเห็นว่าอาจมีการพิจารณาประเด็นนี้ด้วยและอาจกำหนดให้เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษเพื่อสนับสนุนการประกอบธุรกิจ

รวมทั้งรัฐบาลจำเป็นต้องวางกรอบกฎหมายเพื่อกำกับดูแล Entertainment complex ให้ชัดเจนในทุกมิติ โดยต้องวางกรอบกฎหมายปิดช่องโหว่ที่สร้างความวิตกกังวลให้คนในประเทศ โดยที่ผ่านมาการบังคับใช้กฎหมายของไทยค่อนข้างเป็นปัญหา โดยดูจากการประกอบธุรกิจโรงแรมของประเทศไทย ยังมีโรงแรมผิดกฎหมายเปิดให้บริการจำนวนมาก ดังนั้น หากประเทศไทย ไม่มีกรอบกฎหมายชัดเจน จึงอาจเกิดช่องโหว่กลายเป็นแหล่งของการฟอกเงินของกลุ่มทุนสีเทา