พาณิชย์ เผย 2 บริษัทจีน เอี่ยวตึก สตง.ถล่ม โยงเครือข่าย 37 บริษัท

พาณิชย์ เผย 2 บริษัทจีน เอี่ยวตึก สตง.ถล่ม โยงเครือข่าย 37 บริษัท

"พิชัย" เผยผลตรวจ 2 บริษัท “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10-ซิน เคอ หยวน สตีล” เอี่ยวสร้างตึก สตง. ถล่ม พบมีเครือข่ายรวม 37 บริษัท ส่งข้อมูลดีเอสไอสาวต่อแล้ว

นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารจัดการแก้ไขปัญหาสินค้า และธุรกิจต่างประเทศที่ฝ่าฝืนกฎหมาย ครั้งที่ 4 (2/68) เพื่อตรวจสอบนิติบุคคลที่เกี่ยวข้องกับอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินถล่ม (อาคาร สตง. ถล่ม) จากเหตุแผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มี.ค.68 กรณีมีข้อสงสัยเรื่องนอมินี ว่า จากการตรวจสอบ มีนิติบุคคล 2 รายที่เกี่ยวข้อง คือ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด มีชาวจีนถือหุ้นสัดส่วน 49% ซึ่งมีความเชื่อมโยงกับอีก 13 บริษัท และบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด มีชาวจีนถือหุ้น 80% มีความเชื่อมโยงกับอีก 24 บริษัท รวมทั้งหมด 37 บริษัท โดยข้อมูลทั้งหมดนี้ ได้ส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ดำเนินการต่อแล้ว

“อาคารสำนักงาน สตง. ที่ถล่ม ดำเนินการโดย กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่าง บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จำกัด และผลการตรวจสอบ มีวัสดุที่ใช้ก่อสร้างบางส่วนเป็นของบริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จำกัด ทำให้สังคมสงสัยว่า ทั้ง 2 บริษัทนี้เป็นนอมินีหรือไม่ กระทรวงพาณิชย์จึงตรวจสอบ และได้ข้อมูลทั้งหมดแล้ว ซึ่งส่งให้ดีเอสไอนำไปตรวจสอบต่อแล้ว”

นอกจากนี้ ที่ประชุมยังมอบให้กรมบัญชีกลาง ตรวจสอบการรับงานของบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 และเครือข่าย ซึ่งพบว่า มี 26 โครงการ โดยบางส่วนได้ทิ้งงาน หากพบความผิดปกติอาจขึ้นบัญชีดำบริษัทที่เกี่ยวข้องต่อไปด้วย

พาณิชย์ เผย 2 บริษัทจีน เอี่ยวตึก สตง.ถล่ม โยงเครือข่าย 37 บริษัท

นายนภินทร ศรีสรรพางค์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ดีเอสไอรับคดีนี้ เป็นคดีพิเศษแล้ว และทุกหน่วยงานต้องนำข้อมูลทั้งหมดให้ดีเอสไอตรวจสอบต่อ โดยได้ดำเนินการ ดังนี้

1.กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ตรวจสอบ บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 และเครือข่าย 13 บริษัท พร้อมป้อนข้อมูลให้ดีเอสไอ

2.สำนักงานป้องกัน และปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตรวจสอบเส้นทางการเงินของบริษัท ผู้ถือหุ้น และผู้เกี่ยวข้อง

 3.กรมสรรพากร ตรวจสอบการเสียภาษีของบริษัท และผู้ถือหุ้นทั้งหมด 4.สำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ตรวจสอบคุณภาพเหล็ก และอุปกรณ์ที่ใช้ก่อสร้าง

5.กรมการจัดหางาน ตรวจสอบใบอนุญาตทำงานของแรงงานต่างด้าว 6.กรมโรงงานอุตสาหกรรม ตรวจสอบโรงงานผลิตเหล็ก 7.กรมที่ดิน ตรวจสอบการถือครองที่ดินของคนไทย และต่างชาติ 8.กรมบัญชีกลาง ตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้าง

นอกจากนี้ ยังขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมสอบสวนคดีพิเศษ กระทรวงมหาดไทย กรมโยธาธิการ และกระทรวงอุตสาหกรรม เข้าไปตรวจสอบ 26 โครงการ ที่บริษัทรับงาน เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้นกับประชาชน โดยมูลค่าทั้ง 26 โครงการกว่า 10,000 ล้านบาท และในนี้ มี 1 โครงการมีมูลค่า 9,348 ล้านบาท ที่เหลือเป็นหลักร้อยล้านบาท

สำหรับรายละเอียด 2 บริษัทที่ถูกตรวจสอบ พบว่า

บริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 จดทะเบียนเมื่อ 10 ส.ค.61 ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท สัดส่วนหุ้น ไทย 51% จีน 49% ผลประกอบการปี 66 ขาดทุนสะสม 208,489,056.67 บาท

บริษัท ซิน เคอ หยวน สตีล จดทะเบียนเมื่อ 23 ก.พ.54 ทุนจดทะเบียน 1,530 ล้านบาท สัดส่วนหุ้น ไทย 20% จีน 80%

โดยโทษตาม พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 หากพบว่า มีการกระทำผิด จะมีบทลงโทษดังนี้

1.กรณีคนไทยถือหุ้นแทนชาวต่างชาติ (นอมินี) โทษจำคุก ไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 100,000-1 ล้านบาท 1 หรือทั้งจำทั้งปรับ

2.กรณีคนต่างด้าวดำเนินธุรกิจโดยไม่ได้รับอนุญาต มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับ 100,000-1 ล้านบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

3.กรณีคนต่างด้าวประกอบธุรกิจต้องห้ามโดยไม่ได้รับอนุญาต ศาลสามารถสั่งให้เลิกกิจการ หรือเพิกถอนการถือหุ้นได้

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์