กรมบัญชีกลาง จ่อปรับสัญญาจัดซื้อฯ ก่อสร้างประมาทยกเลิกได้ทันที

“จุลพันธ์” เผยกรมบัญชีกลางจ่อปรับสัญญาจัดซื้อจัดจ้าง ก่อสร้างประมาททำให้ถึงแก่ชีวิตยกเลิกสัญญาทันที ดันมาตรการแบล็กลิสต์ ลดชั้นผู้รับเหมา เข้าครม.
นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กรณีการพิจารณาขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์ผู้รับเหมา ที่ดำเนินโครงการก่อสร้างอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดินแห่งใหม่ (อาคาร สตง. ถล่ม) ซึ่งพังลงมาหลังจากเหตุการณ์ แผ่นดินไหว เมื่อวันที่ 28 มี.ค.2568 จะต้องมีการตรวจสอบข้อเท็จจริงให้แน่ชัดก่อน โดยหน่วยงานเจ้าของโครงการจัดซื้อจัดจ้างจะต้องเป็นผู้เสนอรายงานปัญหาแก่กรมบัญชีกลางเพื่อพิจารณายกเลิกสัญญา
ทั้งนี้ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้มีการพิจารณามาตรการจัดทำบัญชีแบล็กลิสต์ หรือสมุดพกผู้รับเหมา กรณีโครงการก่อสร้างที่สร้างความเสียหายให้กับประชาชน อย่างไรก็ตามยังต้องเป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ซึ่งจะต้องมีหลักฐานที่พิสูจน์ให้ได้ว่าผู้รับเหมารายดังกล่าวมีความผิดจริง
“กรณี ตึก สตง.ถล่ม จะต้องมีการตรวจสอบต้นตอของสาเหตุให้แน่ชัดว่ามีความผิดปกติที่ตรงส่วนใด ตั้งแต่การออกแบบอาคาร ผู้ตรวจแบบ ผู้รับเหมาก่อสร้าง หรือซัพพลายเออร์เหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน”
ทั้งนี้ กรมบัญชีกลางอยู่ระหว่างการเสนอมาตรการที่จะกำกับดูแลและเป็นบทลงโทษแก่ผู้รับเหมาที่กระทำความผิด แบ่งเป็น 2 มาตรการ ได้แก่
1.การลดชั้นผู้รับเหมา
2.มาตรการขึ้นบัญชีแบล็กลิสต์
ซึ่งได้ส่งให้สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) แล้ว และอยู่ระหว่างการรอบรรจุวาระในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)
“โดยมาตรการข้างต้นเป็นมาตรการที่จัดทำขึ้นจากกรณีอุบัติเหตุโครงการก่อสร้าง ถนนพระราม 2 ซึ่งเป็นอุบัติเหตุที่ไม่ร้ายแรง จะเป็นการลดชั้นผู้รับเหมา แต่กรณีตึก สตง.ถล่ม ที่มีความเสียหายมากกว่า”
ทั้งนี้ ตึก สตง.ถล่ม จะเป็นกรณีศึกษาในการปรับหลักเกณฑ์สัญญาจัดซื้อจัดจ้างต่อไปในอนาคต ภายใต้ พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ 2560 เนื่องจากลักษณะสัญญาในปัจจุบันยังมีความคลุมเครือในการกำหนดบทลงโทษ ความรับผิดชอบของผู้รับเหมาที่ทำให้เกิดความเสียหายถึงชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน และการคุ้มครองแรงงาน
“ปัจจุบันสัญญาจัดซื้อจัดจ้างไม่ได้ระบุชัดว่าผู้รับเหมาที่ประมาทเลินเล่อทำให้ถึงแก่ชีวิต สามารถพิจารณายกเลิกสัญญาได้ทันที ซึ่งในอนาคตจะต้องมีการเพิ่มรายละเอียดเหล่านี้ลงไปในสัญญาด้วย”
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า กระทรวงการคลังจะมีการหารือกับกระทรวงมหาดไทยต่อไปเรื่องการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ เพื่อหาแนวทางป้องกันแก้ไขและเยียวยาในอนาคต โดยมีกรณีตึก สตง. เป็นกรณีศึกษา
ปัจจุบัน คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ตึกถล่ม ซึ่งขีดเส้นดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 สัปดาห์
ทั้งนี้ บริษัท “ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10” บริษัทเครือข่าย “รัฐวิสาหกิจจีน” เป็นกิจการร่วมค้า ร่วมกับ “อิตาเลียนไทยฯ” รับงานก่อสร้างตึกสตง. มูลค่า 2.1 พันล้านบาท ซึ่งจากการตรวจสอบยังพบอีกว่า บริษัทดังกล่าวในฐานะกิจการร่วมค้า เป็นคู่สัญญาหน่วยงานรัฐอย่างน้อย 15 สัญญา รวมวงเงินไม่ต่ำกว่า 8,014,764,777 บาท หรือราว 8 พันล้านบาท