สหรัฐชวนไทยพัฒนาLNGอะแลสกา ผลิต-ส่งออกส่งไทยฮับพลังงานอาเซียน

สหรัฐชวนไทยพัฒนาLNGอะแลสกา   ผลิต-ส่งออกส่งไทยฮับพลังงานอาเซียน

ประเทศไทยใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว(LNG) ผลิตไฟฟ้ามาจาก 3 แหล่งคือ 1. อ่าวไทยสัดส่วน 50% เป็นแหล่งที่มีราคาถูกที่สุด 2. เมียนมา สัดส่วน 10% และ 3. สัดส่วนที่เหลือเป็นการนำเข้า

ข้อมูลจาก  Shell LNG Outlook 2025 คาดการณ์ว่าความต้องการก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นประมาณ 60% ภายในปี 2040 เป็นผลจากการเติบโตของเศรษฐกิจในแถบเอเชีย และการใช้พลังงานภายใต้เงื่อนไขการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในอุตสาหกรรมหนักและการขนส่ง รวมถึงความต้องการไฟฟ้าสำหรับปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ 

“คาดว่าอุปทาน LNG ใหม่มากกว่า 170 ล้านตันจะพร้อมใช้งานภายในปี 2030 ซึ่งจะช่วยตอบสนองความต้องการก๊าซที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในเอเชีย แต่จนถึงขณะนี้โครงการพัฒนาแหล่ง LNG ใหม่ๆยังมีความไม่แน่นอน”

  เมื่อวันที่ 24 มี.ค.2568 นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน ได้ให้การต้อนรับนายไมค์ ดันเลวี ผู้ว่าการรัฐอะแลสกา สหรัฐ และคณะผู้แทนภาคเอกชนด้านพลังงานสหรัฐ โดยมีผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องของไทย ได้แก่ สำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน กรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) และบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เข้าร่วมการประชุม

    โอกาสนี้ ฝ่ายสหรัฐ ได้นำเสนอข้อริเริ่มของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการพัฒนาโครงการความร่วมมือกับฝ่ายไทยในการพัฒนาโครงการด้าน LNG ในรัฐอะแลสกาในหลากหลายรูปแบบ อาทิ การสำรวจและผลิตก๊าซ การก่อสร้างท่อส่งก๊าซจากแหล่งผลิตไปยังโรงแปรสภาพก๊าซ และการก่อสร้างโรงแปรสภาพก๊าซและโครงสร้างพื้นฐานสำหรับการส่งออกก๊าซธรรมชาติจากรัฐอะแลสกาไปยังภูมิภาคเอเชีย เป็นต้น

“ฝ่ายไทยแสดงความสนใจที่จะร่วมมือกับสหรัฐ ในการพัฒนาโครงการ Alaska LNG รวมถึงการนำเข้า LNG จากแหล่งดังกล่าว เพื่อรองรับความต้องการใช้ LNG ที่เพิ่มขึ้นสำหรับการใช้เป็นเชื้อเพลิงหลักในอุตสาหกรรมภายในประเทศ”

 โดยการร่วมทุนในโครงการดังกล่าวเป็นประโยชน์ต่อการช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางพลังงานของไทย และเพิ่มโอกาสที่ไทยจะพัฒนาเป็น LNG Hub ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งสนับสนุนการบรรลุเป้าหมายด้านสภาพภูมิอากาศ ซึ่ง LNG นับเป็น transition fuels ที่จะช่วยผลักดันการบรรลุเป้าหมาย Carbon Neutrality ของไทย 

ทั้งนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของทั้งสองฝ่ายจะได้มีการหารือในรายละเอียดเพื่อกำหนดแนวทางความร่วมมือด้าน LNG ที่เหมาะสมต่อไปในอนาคต

     นายสมภพ พันธนอริยางกูล รองปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ไทยกับสหรัฐมีความร่วมมือด้านพลังงานอย่างใกล้ชิด ทั้งในเรื่องการนโยบายพลังงาน และการโอกาสด้านการลงทุน โดยในปี 2567 ไทยได้นำเข้าน้ำมันนำเข้าน้ำมันดิบ ปิโตรเคมี ก๊าซธรรมชาติ และก๊าซธรรมเหลว มูลค่า 3 พันล้านดอลลาร์ ล่าสุดลงนามนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจี 1 ล้านตันต่อปี รวมระยะเวลา 15 ปี รวมมูลค่า 7.5 พันล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ปตท.ยังมีการลงทุนในสหรัฐ 1.2 พันล้านบาทในอุตสาหกรรมปิโตรเคมี

 องค์การพลังงานระหว่างประเทศ(International Energy Agency ) หรือ  IEA เผยแพร่รายงาน Global Energy Review 2025 ในส่วนความต้องการLNG ที่กลับมาเติบโตเชิงโครงสร้างอีกครั้งในปี 2024 หลังจากวิกฤตอุปทานในปี 2022 และ 2023 

“โดยตลาดก๊าซธรรมชาติก็เริ่มปรับสมดุลใหม่แบบค่อยเป็นค่อยไปและกลับมาเติบโตเชิงโครงสร้างอีกครั้งในปี 2024 ความต้องการก๊าซทั่วโลกแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยการเติบโตมากกว่าสามในสี่ส่วนมาจากตลาดเกิดใหม่และเศรษฐกิจกำลังพัฒนา” 

ข้อมูลเบื้องต้นระบุว่าความต้องการก๊าซเพิ่มขึ้น 2.7% หรือ 115 พันล้านลูกบาศก์เมตร(bcm) (เทียบเท่ากับประมาณ 4 EJ) ในปี 2024 ซึ่งสูงกว่าอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปีประมาณ 2% ตั้งแต่ปี 2010 ถึง 2019 และสูงกว่าประมาณ 1% ระหว่างปี 2019 ถึง 2023 ท่ามกลางการระบาดของโควิดและวิกฤติพลังงานโลก โดยสัดส่วนการเพิ่มขึ้นอยู่ในตลาดเกิดใหม่และเศรษฐกิจกำลังพัฒนาในเอเชียถึง40% ของความต้องการก๊าซเพิ่มเติมในปี 2024 จากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

 การเติบโตของความต้องการก๊าซทั่วโลกส่วนใหญ่มาจากภาคอุตสาหกรรมและการผลิตไฟฟ้า ซึ่งคิดเป็นประมาณ 75% ของความต้องการก๊าซที่เพิ่มขึ้นในปี 2024

ก๊าซธรรมชาติยังคงเข้ามาแทนที่น้ำมันและผลิตภัณฑ์น้ำมันในภาคส่วนต่างๆ อันเนื่องมาจากนโยบาย กฎระเบียบ และพลวัตของตลาด ในตะวันออกกลาง การเปลี่ยนจากน้ำมันเป็นก๊าซในภาคส่วนพลังงานยังคงดำเนินต่อไปในปี 2024 ในภาคการขนส่งทางถนน การขยายตัวอย่างรวดเร็วของรถบรรทุกที่ขับเคลื่อนด้วยก๊าซธรรมชาติในจีน ซึ่งมียอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีเดียวกันด้วย เป็นไปตามกฎระเบียบการปล่อยมลพิษที่เข้มงวดยิ่งขึ้นสำหรับการขนส่ง

ท่าทีของสหรัฐสอดคล้องกับคำประกาศประธานาธิบดีสหรัฐที่เผยแพร่ผ่านเวบไซด์ทำเนียบขาว เมื่อ 20 ม.ค. 2525 ซึ่งเป็นวันสาบานตนเข้ารับตำแหน่งว่า ด้วยแผนการปลดปล่อยศักยภาพด้านทรัพยากรอันมหาศาลของอะแลสกา ที่ระบุว่า 

“ด้วยอำนาจที่มอบให้ฉันในฐานะประธานาธิบดีโดยรัฐธรรมนูญและกฎหมายของสหรัฐจึงสั่งการดังนี้”

มาตรา 1 พื้นรัฐอะแลสกาที่มีทรัพยากรธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์และยังไม่ได้ใช้ประโยชน์มากนัก ทั้งพลังงาน แร่ธาตุ ไม้ และอาหารทะเล การปลดปล่อยความมั่งคั่งจากธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์นี้จะเพิ่มความเจริญรุ่งเรืองให้กับพลเมืองของเรา ขณะเดียวกันก็ช่วยเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและระดับชาติของประเทศชาติสำหรับคนรุ่นต่อๆ ไปด้วย

“การพัฒนาทรัพยากรเหล่านี้ให้เต็มที่ที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราสามารถช่วยบรรเทาปัญหาราคาสินค้าสำหรับชาวอเมริกัน สร้างงานที่มีคุณภาพสูงสำหรับพลเมืองของเรา บรรเทาความไม่สมดุลทางการค้าของเรา เพิ่มการใช้อำนาจครอบงำด้านพลังงานระดับโลกของประเทศ และป้องกันไม่ให้มหาอำนาจต่างชาตินำพลังงานมาใช้เป็นอาวุธในพื้นที่ที่มีความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์”

อย่างไรก็ตาม การเปิดโอกาสให้เกิดเหตุการณ์นี้จำเป็นต้องยุติการโจมตีอำนาจอธิปไตยของรัฐอะแลสกาและความสามารถในการพัฒนาทรัพยากรเหล่านี้อย่างมีความรับผิดชอบเพื่อประโยชน์ของชาติทันที ดังนั้น จึงจำเป็นต้องยกเลิกข้อจำกัดลงโทษที่บังคับใช้โดยรัฐบาลชุดก่อนซึ่งมุ่งเป้าไปที่การพัฒนาทรัพยากรบนที่ดินของรัฐและของรัฐบาลกลางในอะแลสกาโดยทันที

หลังสหรัฐจัดหนัก จัดใหญ่ เก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นในฐานะไทยคือกลุ่มประเทศที่ได้ดุลการค้าสหรัฐ หลายฝ่ายเป็นกังวลถึงผลกระทบจากการค้ากับสหรัฐจะฉุดเศรษฐกิจไทยดิ่งเหวแต่ท่าทีสหรัฐหากมองร้ายคือบีบคั้น แต่ถ้ามองดีคือโอกาสที่ไทยจะได้ร่วมพัฒนาซัพพลายพลังงานเพื่อเสริมความทะเยอทะยานที่จะเป็นศูนย์กลางพลังงานแห่งอาเซียนให้ได้ ทุกอย่างอยู่ที่การจัดการและการเจรจาที่มีประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ัง

สหรัฐชวนไทยพัฒนาLNGอะแลสกา   ผลิต-ส่งออกส่งไทยฮับพลังงานอาเซียน