ตัดอ้อยสดคุณภาพดี ดัน ผลผลิตเข้า KTIS ปี 68 กว่า 6.4 ล้านตัน

กลุ่มKTIS ผลิตน้ำตาลทรายได้มากกว่าปีก่อน 31.4%สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งระบบรณรงค์ส่งอ้อยสดเข้าหีบได้ผล คุณภาพอ้อยสูง-ยิลด์พุ่ง หนุนผลการดำเนินงานปี 68 โตเด่น
กลุ่มKTISเปิดข้อมูลหลังปิดรับอ้อยเข้าหีบของฤดูการผลิตปี 2567/68พบว่า ได้ผลผลิตอ้อยเข้าหีบรวมทั้ง 3 โรงงาน จำนวน6.4ล้านตัน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 28.0%ผลิตน้ำตาลได้ 6.7 ล้านกระสอบ มากกว่าปีก่อนถึง 31.4%เนื่องจากคุณภาพอ้อยดีขึ้นมาก จากการรณรงค์ให้ชาวไร่ตัดอ้อยสด ลดอ้อยไฟไหม้อย่างได้ผล โดยโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ มีสัดส่วนอ้อยไฟไหม้เพียง 2%เป็นอ้อยสดถึง 98%ชี้จากปริมาณอ้อยและน้ำตาลที่สูงขึ้นจะส่งผลให้ผลการดำเนินงานของกลุ่มKTISปี 2568 ดีกว่าปี 2567 อย่างมีนัยสำคัญ
นายสมชาย สุวจิตตานนท์ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายธุรกิจน้ำตาล และผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เกษตรไทย อินเตอร์เนชั่นแนล ชูการ์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือกลุ่มKTISผู้นำในอุตสาหกรรมน้ำตาลและอุตสาหกรรมต่อเนื่องครบวงจรสู่BCGอย่างยั่งยืนเปิดเผยว่า ภายหลังการปิดหีบอ้อยของกลุ่มKTISสำหรับฤดูการผลิตปี2567/68พบว่า ได้รับอ้อยเข้าหีบประมาณ 6.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 28.0%เมื่อเทียบกับปริมาณอ้อยเข้าหีบของปี 2566/67 และสามารถผลิตน้ำตาลทรายได้ประมาณ 6.7 ล้านกระสอบ เพิ่มขึ้น 31.4%เมื่อเทียบกับปริมาณน้ำตาลทรายที่ผลิตได้ในปี 2566/67 ที่ 5.1 ล้านกระสอบ
ทั้งนี้ หากดูตัวเลขรวมของอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลทรายในปีผลิต 2567/68 ซึ่งได้อ้อย 92.2 ล้านตัน ผลิตน้ำตาลทรายได้ 100.4 ล้านกระสอบจะเห็นว่ามีอ้อยเพิ่มจากปีก่อน 11.9%และน้ำตาลเพิ่มขึ้น 23.8%สะท้อนว่า การเพิ่มขึ้นของอ้อยและน้ำตาลของกลุ่มKTISสูงกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรม
“ปัจจัยหนึ่งที่ช่วยส่งเสริมคุณภาพอ้อยและทำให้ยิลด์ในการผลิตน้ำตาลทรายเพิ่มสูงขึ้นมาก มาจากการที่กลุ่มKTISสามารถควบคุมสัดส่วนอ้อยไฟไหม้ให้อยู่ในระดับต่ำ โดยเฉพาะโรงงานน้ำตาลไทยเอกลักษณ์ ที่มีสัดส่วนอ้อยไฟไหม้เพียง 2% และเป็นอ้อยสดถึง 98% ซึ่งนโยบายการส่งเสริมการตัดอ้อยสดนี้ไม่เพียงแค่ช่วยเพิ่มผลผลิตน้ำตาล แต่ยังสอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน ลดมลพิษและฝุ่นละอองจากการเผาอ้อย อีกทั้งยังสอดรับกับนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย ซึ่งสะท้อนถึงประสิทธิภาพการบริหารจัดการและความร่วมมือระหว่างโรงงานกับชาวไร่อ้อยที่ประสบความสำเร็จในการพัฒนาอุตสาหกรรมอ้อยและน้ำตาลของไทยให้ก้าวหน้ายิ่งขึ้น” นายสมชายกล่าว
ทั้งนี้ ด้วยปริมาณอ้อยและน้ำตาลที่เพิ่มขึ้น ซึ่งส่งผลดีไปยังอุตสาหกรรมต่อเนื่องต่างๆทุกสายธุรกิจ โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าชีวมวล และโรงงานผลิตเยื่อกระดาษจากชานอ้อย จึงมั่นใจว่า ปี 2568 นี้ ผลการดำเนินงานของกลุ่มKTISจะดีขึ้นกว่าปี 2567 อย่างมีนัยสำคัญ
นายสมชายกล่าวด้วยว่า ผลผลิตอ้อยและน้ำตาลทรายที่เพิ่มมากขึ้นนั้น นอกจากเรื่องของสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยแล้ว ยังสะท้อนถึงความสำเร็จในการส่งเสริมและสนับสนุนทั้งองค์ความรู้และเครื่องมือต่างๆ ให้กับชาวไร่อ้อยคู่สัญญาของกลุ่มKTISเพื่อให้ได้ผลผลิตต่อไร่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับชาวไร่อ้อยที่มีส่วนแบ่งรายได้จากการขายน้ำตาล70%จะมีรายได้มากขึ้นด้วย สอดคล้องกับปณิธาณของกลุ่มKTISที่ว่า “ชาวไร่อ้อยมั่งคั่ง กลุ่มKTISมั่นคง”