สบน. ยันหนี้สาธารณะยังอยู่ในกรอบ 70% แม้เศรษฐกิจไม่โตเลยในปี 69

สบน. ยันหนี้สาธารณะยังอยู่ในกรอบ 70% แม้เศรษฐกิจไม่โตเลยในปี 69

สบน.ระบุยังมองสถานะการคลังไทยมั่นคง แม้จีดีพีโตต่ำลงกว่าคาด ยันหนี้สาธารณะยังไม่เกินเพดาน 70% แม้กู้เงินเพิ่มเติม เชื่อขยายเพดานหนี้ไม่กระทบความเชื่อมั่นเครดิตประเทศ ชี้ปัจจัยพื้นฐานการคลังยังแข็งแกร่ง

กรณีกระแสข่าวรัฐบาลเตรียมออก พ.ร.บ.กู้เงินเพิ่มเติมเพื่อรองรับวิกฤติที่อาจเกิดขึ้นจากมาตรการภาษีศุลกากรตอบโต้ของโดนัลด์ ทรัมป์ นายพชร อนันตศิลป์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า สบน.มองว่าสถานะทางการคลังของประเทศในขณะนี้ยังมั่นคง (Stable) และยังไม่มีสัญญาณอะไรที่จะมากระทบแม้ว่าการขยายตัวของเศรษฐกิจจะต่ำกว่าที่คาดการณ์ 

อย่างไรก็ตาม กรณีที่รัฐบาลจะมีนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการลงทุนเพิ่มเติมจากวงเงิน ก็อาจต้องมีการขยายเพดานหนี้สาธารณะต่อจีดีพีเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันที่กำหนดไว้ 70% 

เมื่อถามว่าหากรัฐบาลต้องการขยับเพดานหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นเป็น 75-80% จะมีผลต่อความเชื่อมั่นหรือไม่ นายพชร กล่าวว่า ก็ไม่มีผลต่อความเชื่อมั่น เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานด้านการคลังของไทยยังดีอยู่

ซึ่งที่ผ่านมา สบน. ได้พูดคุยกับสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือหลายแห่ง ได้มีการคาดการณ์ถึงความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอกซึ่งเป็นความไม่แน่นอนของนโยบายต่างประเทศ ว่าแนวโน้มการลงทุนภาคเอกชนในช่วงครึ่งปีหลังจะชะลอตัวลง โดยตัวหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจจะมาจากการลงทุนภาครัฐ

 

ทั้งนี้ สบน. ได้มีการวิเคราะห์สถานการณ์หนี้สาธารณะ ภายใต้สมมติฐานว่า รัฐบาลยังคงจัดทำงบประมาณขาดดุลตามแผนที่กำหนดไว้  โดยไม่มีการออก พ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม ตามกรอบการคลังระยะปานกลาง ว่า ในปี 2569 หากจีดีพีขยายตัวตามเดิมที่ 3% สัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพีจะอยู่ที่ 67.3% แต่หากจีดีพีขยายตัวที่ 2% สัดส่วนหนี้สาธารณะจะอยู่ที่ 68% และหากในกรณีที่จีดีพีไม่ขยายตัวเลย สัดส่วนหนี้สาธารณะก็ยังไม่เกินเพดานที่ 70%

ในปีงบประมาณ 2568 หนี้สาธารณะอยู่ที่ 12.1 ล้านล้านบาท คิดเป็น 64.21% ของจีดีพี โดยรัฐบาลมีการกู้ชดเชยขาดดุล 8.6 แสนล้านบาท และยังมีช่องว่างการกู้ชดเชยขาดดุลเหลืออยู่ 4,000 ล้านบาท โดยหากต้องกู้ขาดดุลเพิ่มเติม ยังสามารถนำวงเงินกู้เหลื่อมปีจากปีที่แล้วที่เหลือหลายหมื่นล้านมาใช้ได้ 

ทั้งนี้ หากรัฐบาลจะต้องการกู้เงินเพิ่มเติม นอกเหนือจากการขาดดุลงบประมาณ สามารถทำได้ภายใต้เงื่อนไขของรัฐธรรมนูญมาตรา 172 คือจะต้องมีความจำเป็นเพื่อประโยชน์ในการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจ

โดยมาตรา 172 ระบุว่า ในกรณีเพื่อประโยชน์ในอันที่จะรักษาความปลอดภัยของประเทศ ความปลอดภัย สาธารณะ ความมั่นคงในทางเศรษฐกิจของประเทศ หรือป้องปัดภัยพิบัติสาธารณะ พระมหากษัตริย์ จะทรงตราพระราชกําหนดให้ใช้บังคับดังเช่นพระราชบัญญัติก็ได้ การตราพระราชกําหนดตามวรรคหนึ่ง ให้กระทําได้เฉพาะเมื่อคณะรัฐมนตรีเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉิน ที่มีความจําเป็นรีบด่วนอันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์