ครม.กู้เงินนอก 1.5 หมื่นล้าน เดินหน้า 2 โครงการ เมืองการบิน EEC

ครม.ไฟเขียว คลังกู้เงินจาก AIIB และ ADB วงเงินรวมกว่าหมื่นล้าน เดินหน้าสองโครงการสนับสนุนเมืองการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเชื่อมโยงเมืองการบินตะวันออก
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วานนี้ (22 เม.ย.) เห็นชอบให้กระทรวงการคลังดำเนินการกู้เงินในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยเพื่อสนับสนุนการก่อสร้างโครงการที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานเพื่อสนับสนุนการขยายตัวของเมืองการบินภาคตะวันออก (อีอีซี) จำนวน 2 โครงการ
โดยในส่วนแรกเป็นการกู้เงินจากธนาคารพัฒนาเอเชีย (Asain Development Bank: ADB) สำหรับโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงเขตพัฒนาพิเศษ ภาคตะวันออกเพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ทางหลวงพิเศษระหว่างเมืองหมายเลข 7 ส่วนต่อขยายเชื่อมต่อสนามบินนานาชาติอู่ตะเภา กรอบวงเงิน จำนวน 68.74 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือวงเงิน 2,440.19 ล้านบาท
รวมทั้งอนุมัติให้รมว.คลัง หรือผู้ที่รมว.คลัง มอบหมายเป็นผู้ลงนามในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยในสัญญาเงินกู้โครงการฯ
ขณะเดียวกันที่ประชุม ครม. ยังได้อนุมัติให้กระทรวงการคลังกู้เงินในนามรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยจากธนาคารเพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานเอเชีย (Asian Infrasture Invesment Bank: AIIB) วงเงิน 423.05 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 13,210 ล้านบาท
พร้อมเห็นชอบร่างสัญญาเงินกู้และเอกสารที่เกี่ยวข้องของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก (ก่อสร้างทางวิ่งและทางขับขี่ 2) และเห็นชอบในการระบุให้ใช้อนุญาโตตุลาการในจการระงับข้อพิพาทตามเงื่อนไขที่กำหนดในเอกสารเงื่อนไขทั่วไปสำหรับเงินกู้รัฐบาล
ทั้งนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ให้ความเห็นที่น่าสนใจสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ให้ความเห็นให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะหารือร่วมกับ สำนักงบประมาณ กองทัพเรือและสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) พิจารณาแผนการกู้เงินและเบิกจ่ายเงินกู้โครงการฯ ให้สอดคล้องกับแผนการเปิดให้บริการของสนามบินอู่ตะเภาที่มีความล่าช้าไปจากเป้าหมายเดิมมาก เพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณของภาครัฐเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ
ด้านธนาคารแห่งประเทศไทยได้เสนอความเห็น ว่าการกู้สกุลเงินดอลลาร์สหรัฐจะมีความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยนทั้งในด้านความเพียงพอต่อการชำระค่าใช้จ่ายในสกุลเงินบาท รวมถึงการใช้คืนเงินกู้ในอนาคต กระทรวงการคลังจึงควรพิจารณาพบริหารจัดการความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าวด้วย