ส่งออกข้าวไทยปี 68 หืดจับ เจอมรสุมเพียบ จ่อหั่นเป้าทั้งปี

ส่งออกข้าวไทยปี 68 หืดจับ เจอมรสุมเพียบ จ่อหั่นเป้าทั้งปี

ส่งออกข้าวไทยไตรมาสแรก วูบ 30 % หลังอินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาว แถมราคาข้าวไทยยังเป็นปัญหาแพงกว่าคู่แข่ง จับตาภาษีทรัมป์ ซ้ำเติมข้าวไทย จ่อหั่นเป้าทั้งปี

KEY

POINTS

  • ไทยตั้งเป้าส่งออกข้าวปี 68 ปริมาณ 7.5 ล้านตัน
  • ส่งออกข้าวไทยช่วงไตรมาสแรก 2568 มีปริมาณ 2.1 ล้านตันข้าวสาร ลดลงประมาณ30%
  • กรมการค้าต่างประเทศ กระทรว

การส่งออกข้าวของไทยในปี 2567 มีปริมาณ 9.95 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 13  % ถือเป็นปริมาณสูงสุดในรอบ 6 ปี นับตั้งแต่ปี 2561  มีมูลค่า  6,434 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น27 % หรือคิดเป็นเงินบาท  225,656 ล้านบาท  เนื่องจากตลาดโลกมีความต้องการสูงขึ้น ประกอบกับอินเดียระงับการส่งออกข้าว ทำให้ไทยได้รับอานิสงค์ส่งออกข้าวได้มากขึ้น

แต่ปี 2568 ส่งออกข้าวไทยไม่สดใสเหมือนเช่น ปี 67 จากปัจจัยหลายๆด้านทั้งสงครามการค้าจากนโยบายทรัมป์ที่ปรับขึ้นภาษี อินเดียกลับมาส่งออกข้าว ค่าเงินบาทแข็ง ราคาข้าวไทยสูงกว่าคู่แข่ง ซึ่งในปีนี้ กระทรวงพาณิชย์ และสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย ตั้งเป้าการส่งออกปี 68 อยู่ที่ 7.5 ล้านตัน

สถานการณ์ส่งออกข้าวไทยเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด เพราะเพียงแค่ไตรมาสแรก การส่งออกข้าวไทยก็ลดฮวบถึง 30 %

“ชูเกียรติ โอภาสวงศ์ ”นายกกิตติมศักดิ์ สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย  เปิดเผยข้อมูลการส่งออกข้าวไทยในไตรมาสแรก ว่า ส่งออกข้าวไทยช่วงไตรมาสแรก 2568 มีปริมาณ 2.1 ล้านตันข้าวสาร ลดลงประมาณ30% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน เนื่องจากข้าวขาว 15% ลดลงถึง 53% ผลจากอินเดียกลับมาส่งออกอีกครั้ง รวมถึงประเทศนำเข้าหลักเช่น ฟิลิปปินส์ยังไม่ได้นำเข้า ซึ่งปีก่อนทั้งปีนำเข้าถึง 4 ล้านตัน คาดว่าปีนี้จะเหลือ 1 ล้านตัน

ส่งออกข้าวไทยปี 68 หืดจับ เจอมรสุมเพียบ จ่อหั่นเป้าทั้งปี

นอกจากนี้ไทยยังต้องแข่งขันกับอินเดียและเวียดนาม ที่มีราคาต่ำกว่าไทยด้วย โดยเฉพาะราคาข้าวอินเดียถูกกว่าไทยกว่า 40 เหรียญสหรัฐต่อตัน ส่งผลให้ให้หลายประเทศสนใจหันไปซื้อแทนไทย อาทิ แอฟริกาใต้ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์

สำหรับทิศทางส่งออกข้าวไทยในไตรมาส2/2568 นายชูเกียรติ ประเมินว่า  โดยภาพรวมยังเงียบและคาดว่าตัวเลขส่งออกใกล้เคียงไตรมาสแรก โดยสิ่งที่ผู้ส่งออกข้าวกังวลคือ หากสหรัฐปรับภาษีนำเข้าข้าวไทยเป็น 20-25 % หรือ 36 % ราคาข้าวหอมจะพุ่งถึง 1.2-1.3 พันดอลลาร์ต่อตัน แข่งขันก็จะยากขึ้น

ด้านร.ต.ท.เจริญ เหล่าธรรมทัศน์ นากสมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย กล่าวว่า ผู้ส่งออกไม่ได้กังวลแค่ อัตราภาษีนำเข้าสินค้าจากไทยไปสหรัฐเท่านั้น แต่มีประเด็นต้นทุนด้านขนส่งไปสหรัฐ จากกรณีที่ทรัมป์ประกาศจะขึ้นภาษีสินค้าที่ขนส่งทางเรือที่เป็นเรือสร้างในจีนด้วย  ที่จะมีผลในเดือนต.ค.นี้  และกระทบไปทั่วโลก เพราะจีนถือเป็นแหล่งต่อเรือขนส่งรายใหญ่มีสัดส่วนถึง 80%

 “ หากมีการบังคับใช้จริงจะมีต้นทุนขนส่งที่เพิ่มขึ้นอีกตันละ 6 ดอลลาร์ ตอนนี้ข้าวหอมมะลิไทยไปสหรัฐ เก็บ 10% ยังขายในราคา 1 พันดอลลาร์ หากบวกขนส่งก็จะเป็น 1.006 พันเหรียญ หากภาษีนำเข้าเพิ่มอีก ราคาข้าวหอมมะลิไทยจะแพงมาก แข่งขันยาก ซึ่งทรัมป์2.0 การค้าและการส่งออกทั่วโลกจะเปลี่ยนแปลงไปอีกมาก เป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายต้องเตรียมพร้อมรับมือ ทั้งรัฐบาลและเอกชน “ ร.ต.ท.เจริญ กล่าว

อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ได้มีการเร่งเจรจาขายข้าวให้ผู้นำเข้า ล่าสุดกรมการค้าต่างประเทศ ได้จัดคณะไปขายข้าวที่แอฟริกาใต้ได้สูงถึง 4 แสนตัน และจะยังเดินหน้าเจาะตลาดประเทศเป้าหมายต่อไป รวมทั้งในปีนี้กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมข้าวนานาชาติ Thailand Rice Convention 2025 (TRC 2025) ครั้งที่ 10 ในวันที่ 26 พ.ค. 2568 ก็คาดว่าจะสามารถยอดตัวเลขการขายข้าวไทยเพิ่มขึ้น

“อารดา เฟื่องทอง”  อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า การจัดงาน TRC 2025 ในปีนี้ มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 500 ราย จากในและต่างประเทศ มีทั้งผู้แทนภาครัฐ ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สื่อมวลชน เกษตรกร ตัวแทนกลุ่มอาชีพภาคเกษตร โดยจะมีกิจกรรมสำคัญ อาทิ การเสวนา บรรยาย นิทรรศการประชาสัมพันธ์ข้าวไทย การตรวจสอบมาตรฐานและตรารับรองข้าวหอมมะลิไทย (ตราเขียว) การจัดแสดงพันธุ์ข้าว การชิมข้าว และการสาธิตทำอาหารจากข้าวไทย รวมถึงการนำเสนอแนวทางความยั่งยืนของอุตสาหกรรมข้าวไทยที่สอดคล้องกับธีมงาน

“ในระหว่างการประชุมได้จัดให้มีการเจรจาธุรกิจระหว่างผู้นำเข้าและผู้ส่งออก คาดว่าจะสร้างมูลค่าคำสั่งซื้อกว่า 1 แสนตัน หรือประมาณ 2,000 ล้านบาท และยังมีแผนหารือกับ Trader รายสำคัญในการขยายตลาดข้าวไทย โดยเฉพาะในแอฟริกาและตะวันออกกลาง”นางอารดา ระบุ

อย่างไรก็ดี ตัวเลขล่าสุดการส่งออกข้าวไทย ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. – 18 เม.ย.2568 การส่งออกข้าวไทยอยู่ที่ 2.477 ล้านตัน ลดลง19.31 % เนื่องจากอินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาวและสภาพอากาศเอื้อต่อการเพาะปลูกในหลายประเทศ ทำให้ผลผลิตรวมสูงขึ้น ขณะที่ประเทศผู้นำเข้ามีแนวโน้มลดปริมาณนำเข้า

นายพูนพงษ์ นัยนาภากรณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) กล่าวว่าการส่งออกข้าวในปี 66-67 เป็นช่วงที่ส่งออกได้ดีเนื่องจากหลายประเทศที่ผลิตข้าวได้รับผลกระทบจากอากาศร้อน ปรากฏการณ์เอลนิญโญ ส่งผลให้ผลผลิตออกมาน้อย ประกอบกับอินเดียระงับการส่งออกข้าวขาว ทำให้ไทยสามารถส่งออกได้มากขึ้น

แต่ช่วงครึ่งปีหลังปี 67 อินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาวเช่นเดิมส่งผลให้การส่งออกไทยลดลง ถูกแย่งส่วนแบ่งการตลาด อีกทั้งข้าวไทยยังราคาแพงเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่ง ผลผลิตต่อไร่น้อย โดยตั้งแต่เดือน พ.ย.ปี 67 ตัวเลขการส่งออกข้าวไทยลดลงมาถึงปัจจุบัน ล่าสุดเดือนมี.ค. ปริมาณการส่งออกข้าวลดลง 23.4% ดังนั้นทุกหน่วยที่เกี่ยวข้องจะต้องเร่งแก้ปัญหาอย่างจริงจัง เพื่อให้การส่งออกข้าวไทยกลับมาเหมือนเดิม

จากสถานการณ์ภาพรวมการส่งออกข้าวไทยตั้งแต่ปลายปี 67 ไล่มาถึงเดือน มี.ค. แสดงให้เห็นว่า ปีนี้การส่งออกข้าวไทยไม่สดใสเท่าไรเมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่กระทรวงพาณิชย์และผู้ส่งออกข้าวจะมีการหั่นเป้าการส่งออกข้าวในปีนี้ลดลง อีกทั้งยังต้องสูญเสียตำแหน่งผู้นำการส่งออกข้าวโลกอันดับ 2 ปี 67 ไปให้เวียดนาม หากยังไม่ได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง