บีบเวลา! 'กกพ.-พลังงาน' หวังสรุปค่าไฟ 3.99 บาท ทัน 30 เม.ย.นี้

บีบเวลา! 'กกพ.-พลังงาน' หวังสรุปค่าไฟ 3.99 บาท ทัน 30 เม.ย.นี้

"กกพ. - พลังงาน" เร่งประกาศบิลค่าไฟงวดใหม่เริ่มพ.ค. 3.99 บาท ให้ทัน 30 เม.ย. นี้ ย้ำต้องเคลียร์ข้อกฎหมาย กฟผ. ให้ชัด ถ้าไม่ทัน เตรียมวิธีการรองรับไว้แล้ว     

แหล่งข่าวจากกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงความคืบหน้าการพิจารณาค่าไฟงวดใหม่ (พ.ค.-ส.ค.2568) ให้เป็นไปตามกรอบนโยบายของรัฐบาลหน่วยละ 3.99 บาทว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างหารือร่วมกันทั้ง 3 ฝ่าย คือ กระทรวงพลังงาน, สำนักงานกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) และการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ถึงกรอบนโยบายของรัฐบาลที่ต้องการให้ค่าไฟงวดใหม่อยู่ที่หน่วยละ 3.99 บาท จากที่กกพ.ประกาศไปก่อนหน้านี้อยู่ที่หน่วยละ 4.15 บาทเท่ากับงวดปัจจุบัน (ม.ค. - เม.ย.)

ทั้งนี้ กฟผ.ได้ส่งหนังสือการรับต้นทุนมาให้กกพ.แล้ว และบอร์ดกกพ.ได้นำไปหารือในการประชุมบอร์ดกกพ.เมื่อวันที่ 23 เม.ย. 2568 แต่ยังมีบางประเด็นที่เกี่ยวข้องกับข้อกฎหมายที่ต้องหารือ เพื่อทำทุกขั้นตอนให้เป็นไปตามกฎหมายอย่างถูกต้อง ซึ่งทุกฝ่ายจะพยายามประกาศค่าไฟฟ้างวดใหม่ตามกรอบที่รัฐบาลตองการให้ได้ก่อนวันที่ 30 เม.ย. 2568 เพื่อให้ทันกับบิลค่าไฟงวดใหม่ แต่ถ้าไม่ทันบิลรอบใหม่ก็จะจะเริ่ม 10 พ.ค. 2568 และถ้าไม่ทันจริง ๆ จะมีวิธีการในการคำนวณค่าไฟใหม่ เช่น หักลบกับบิลค่าไฟเดือนถัดไป หรือในเดือนมิ.ย. 2568            

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การดำเนินการดังกล่าว เป็นไปตามข้อสั่งการที่ประชุมครม. วันที่ 1 เม.ย. มีมติกำหนดเป้าหมายราคาค่าไฟฟ้างวดเดือน พ.ค.-ส.ค. 68 ไม่เกินหน่วยละ 3.99 บาท  โดยมอบหมายให้นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ที่กำกับดูแลคณะกรรมการ (บร์อด) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) ร่วมกับ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ให้ลดราคาค่าไฟฟ้าลงตามเป้าหมายดังกล่าว

นอกจากนี้ ครม.ยังมีมติให้ กฟผ. และบอร์ด กฟผ. รวมทั้ง กกพ. ร่วมดำเนินการใน 3 ข้อต่อไปนี้ ให้เสร็จภายใน 45 วัน นับตั้งแต่วันที่ ครม.มีมติ  คือ 1. หาแนวทางแก้ไขปัญหาสัญญาซื้อขายไฟฟ้า (พีพีเอ) ในรูปแบบการให้ส่วนเพิ่มราคารับซื้อไฟฟ้า (แอดเดอร์) และรูปแบบการให้เงินสนับสนุนตามต้นทุนที่แท้จริง (เอฟไอที) รวมถึงการแก้ไขเงื่อนไขที่กำหนดให้สัญญาดังกล่าวมีอายุสัญญาต่อเนื่องโดยไม่กำหนดวันสิ้นสุดสัญญาไว้

2. หาแนวทางแก้ปัญหาค่าความพร้อมจ่าย (เอพี) และค่าพลังงาน (อีพี) รวมทั้งเงื่อนไขข้อตกลงอื่นในสัญญาพีพีเอ จากโรงไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (ไอพีพี) ตามสัญญารับซื้อไฟฟ้าระยะยาว ในทุกสัญญาที่มีเงื่อนไขที่ทำให้ กฟผ. หรือรัฐเสียเปรียบ หรือมีภาระค่าใช้จ่ายที่สูงเกินควร หรือสูงเกินกว่าความเป็นจริง และ 3. หาแนวทางแก้ไขปัญหาอุปสรรคของข้อตกลงในสัญญารับซื้อไฟฟ้าต่างๆ ที่ทำให้ศูนย์การควบคุมระบบไฟฟ้า (เอสโอ) ไม่สามารถบริหารจัดการการสั่งผลิตไฟฟ้าให้ต้นทุนผลิตไฟฟ้าของ กฟผ. ลดต่ำลงได้

ขณะเดียวกันครม. ยังมีมติเห็นชอบให้กระทรวงพลังงาน โดยสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) ศึกษาและเสนอแนวทางปรับโครงสร้างระบบพูล ก๊าซ เพื่อให้ราคาก๊าซธรรมชาติสำหรับใช้ผลิตไฟฟ้าให้ประชาชน มีราคาต่ำลง โดยต้องดำเนินการให้ทันรอบประกาศราคาค่าไฟฟ้างวดเดือน ก.ย.-ธ.ค. 2568 ซึ่งข้อสั่งการในที่ประชุมครม. ถือเป็นการแก้ปัญหา จากที่ผ่านมามีประเด็นพูดกันถึงอำนาจในการดำเนินการการปรับลดค่าไฟ ระหว่างคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และกกพ.