เกษตรกรทั่วประเทศ สุดทน! เตรียมรวมตัวประท้วง  หลังพืชเศรษฐกิจราคาดิ่ง

เกษตรกรทั่วประเทศ สุดทน! เตรียมรวมตัวประท้วง  หลังพืชเศรษฐกิจราคาดิ่ง

เกษตรกรโวย ยุครัฐบาลเพื่อไทย พืชเกษตรราคาดิ่งถ้วนหน้า  ทั้งข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา “นายกสมาคมชาวนา และเกษตรกรไทย” ชี้  รัฐไร้มาตรการช่วยเหลือ   ลั่นถ้าเกษตรกรอยู่ไม่ได้ รัฐบาลก็อยู่ไม่ได้เหมือนกัน

นายปราโมทย์ เจริญศิลป์ นายกสมาคมชาวนา และเกษตรกรไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ เกษตรกร ไม่ว่าจะเป็นผู้ปลูกข้าว มันสำปะหลัง ปาล์มน้ำมัน ยางพารา ซึ่งเป็นประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศ ได้รับความเดือดร้อนอย่างหนัก จากราคาผลผลิตตกต่ำ สวนทางกับต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นมาก

อย่างราคาข้าวเปลือกนาปรัง ความชื้น 25% ขึ้นไป สัปดาห์ที่ผ่านมา ตันละใกล้เคียง 7,000  บาท จากในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตันละ 9,000-10,000 บาท ขณะที่ต้นทุนเพาะปลูกตันละ 6,500-7,000 บาท โดยต้องการให้ราคาข้าวเปลือกขึ้นมาอยู่ที่ตันละ 8,000 บาทสำหรับความชื้น 25% ขึ้นไป ถ้าความชื้นต่ำกว่า ได้ตันละ 10,000 บาทก็อยู่ได้แล้ว

สาเหตุที่ราคาข้าวไทยลงต่อเนื่อง มาจากอินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาวตั้งแต่ปลายปี 67 และขณะนี้โหมส่งออกจำนวนมาก ทำให้ไทยส่งออกลดลง แต่รัฐบาลก็ยังไม่มีมาตรการใดๆ ช่วยเหลือ ส่วนการช่วยเหลือไร่ละ 1,000 บาท แม้จะผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการนโยบาย และบริหารข้าวแห่งชาติ (นบข.) แล้ว แต่จนถึงขณะนี้ก็ยังไม่นำเสนอให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา

โดยกระทรวงพาณิชย์อ้างว่า ต้องรอลงทะเบียนชาวนา ที่จะสิ้นสุดวันที่ 30 เม.ย.68 นี้ ให้เสร็จก่อน จึงจะเสนอให้ ครม.พิจารณามาตรการ และงบประมาณที่จะใช้ช่วยเหลือได้

ขณะที่กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็ไม่สนับสนุนชาวนาให้เลิกเผา เพราะไม่ให้เงินช่วยเหลือไร่ละ 500 บาท ตามที่สมาคมฯ ได้เสนอต่อคณะอนุ นบข.ด้านการผลิต ทั้งๆ ที่เคยหารือเรื่องนี้หลายครั้ง หากไม่ให้ชาวนาเผาตอซังข้าว และให้ใช้วิธีการอื่น เช่น นำมาหมัก จะต้องใช้เวลานาน มีต้นทุน อีกทั้งน้ำที่ใช้ในการหมัก เมื่อทิ้งลงแหล่งน้ำ จะทำให้แหล่งน้ำเสียได้

ส่วนกรมการข้าว ก็ยังไม่เร่งวิจัย และพัฒนาเมล็ดพันธุ์ข้าวใหม่ๆ ที่ต้านทานต่อโรค ให้ผลผลิตต่อไร่สูง และตอบสนองความต้องการของตลาด โดยเฉพาะข้าวพื้นนุ่ม เหมือนเวียดนาม ทำให้ชาวนาปลูกข้าวหอมพวงของเวียดนาม ที่ให้ผลผลิตต่อไร่ถึงกว่า 1,200-1,300 กก. แม้ไม่ได้รับการรับรองพันธุ์ เพราะข้าวหอมมะลิไทยได้แค่ 400-600 กก. ทำให้คาดว่า ข้าวหอมมะลิไทยอาจสูญพันธุ์ เพราะชาวนาภาคอีสาน เริ่มปลูกข้าวหอมพวงมากขึ้น เพราะปลูกได้ปีละ 2 ครั้ง ขายได้ปีละ 2 ครั้ง จากปกติปลูกข้าวหอมมะลิได้ปีละครั้ง และขายได้ปีละครั้ง 

“ขณะนี้ ชาวนา และเกษตรกรอื่นๆ จะตายกันหมดแล้ว ราคาข้าวร่วงลงทุกวัน บางพื้นที่ไม่ถึงตันละ 7,000 บาท ต้นทุนก็สูง สินค้าเกษตรอื่นๆ ราคาก็ลดลงหมด ถ้ารัฐบาลยังนิ่งเฉย ไม่มีมาตรการใดๆ ช่วยเหลือโดยด่วน จะได้เห็นเกษตรกรทั่วประเทศ รวมตัวประท้วงแน่นอน ซึ่งหลายกลุ่มได้มาหารือกับผมเรื่องนี้ และกำลังเคลื่อนไหวกันอยู่ ยืนยันว่า ไม่มีการเมือง หรือนักการเมืองหนุนหลัง ออกมาเพราะความเดือดร้อนจริงๆ ถ้าเกษตรกรอยู่ไม่ได้ รัฐบาลก็ต้องอยู่ไม่ได้เหมือนกัน”

ด้านชาวสวนปาล์มน้ำมันก็เดือดร้อนหนักไม่แพ้กัน เพราะขณะนี้ แม้เป็นช่วงต้นฤดูของปาล์มน้ำมัน ที่ผลผลิตเริ่มออก แต่ไม่ถึง 1 เดือน ราคาลดไปแล้วกว่า กก.ละ 1 บาท หากเทียบกับช่วง 2 เดือนก่อน หรือเดือนก.พ.68 ราคาหายไปกว่าครึ่งจาก กก. 9 - 10.2 บาท เหลือเฉลี่ย กก.ละ 4.60 - 5.40 บาทช่วงปลายเดือนเม.ย. ขณะที่ราคาน้ำมันปาล์มดิบ ปัจจุบัน กก.ละ 32.25 - 32.50 บาท ลดลงจากต้นเดือนเม.ย.ที่อยู่กก.ละ 36.50 - 36.75 บาท

 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ ราคาสินค้าเกษตรสำคัญของไทยลดลงหมด หากดูสถิติย้อนหลังช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมา หรือเดือนก.ย.67 ตั้งแต่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนายพิชัย นริพทะพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีพาณิชย์ โดยราคาเดือนก.ย.67 เทียบเดือนเม.ย.68 ต่างกันมาก เช่น ปาล์มน้ำมัน เดือนก.ย.67 กก. ละ 6.55 - 7.30 บาท สูงสุด 10.40 บาทช่วงกลางเดือนก.พ.68 แต่จากนั้นลดลงจนเหลือกก.ละ 4.60 - 5.40 บาท

ส่วนมันสำปะหลัง จากกก.ละ 2.45 - 3.35 บาท เหลือกก.ละ 1.70 - 2.00 บาท, ยางพารา น้ำยางสด กก.ละ 72.50 บาท ยางแผ่นรมควันชั้น 3 กก.ละ 88 บาท แต่ลดเหลือ กก.ละ 56.20 บาท และกก.ละ 66.50 บาท ตามลำดับ ขณะที่ข้าวเปลือกเจ้า ความชื้น 15% จากตันละ 11,000 - 11,900 บาท เหลือตันละ 6,800-7,900 บาท

ด้านนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์  กล่าวว่า เมื่อวันที่  23 เม.ย.ที่ผ่านมา ตนได้หารือกับ สส.เพื่อไทย เกี่ยวกับสถานการณ์ราคาสินค้าเกษตรในหลายพื้นที่ ที่ปรับลดลง ซึ่งกำลังเป็นประเด็นสำคัญที่เกษตรกรในหลายจังหวัดเผชิญอยู่ในขณะนี้ ทั้งข้าวจากกรณีผลผลิตเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ส่งออกได้น้อยลงเนื่องจากอินเดียกลับมาส่งออกอีกครั้ง  

มันสำปะหลัง จากกรณีตลาดจีนมีความต้องการใช้มันสำปะหลังในฐานะวัตถุดิบการผลิตลดลง เนื่องจากจีนข้าวโพดไปทำแอลกอฮอล์เพราะมีราคาถูกกว่าแอลกอฮอล์จากมันสำปะหลัง รวมทั้งการระบาดของโรคใบด่างทำให้คุณภาพผลผลิตลดลง

โดยได้ร่วมกันวางแนวทางเร่งด่วนเพื่อยกระดับคุณภาพการผลิต และหาตลาดที่เอื้อต่อการขายสินค้าเกษตร โดยเฉพาะสินค้าหลักอย่าง “ข้าว” ซึ่งต้องมีปรับทั้งระบบตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ อาทิ การส่งเสริมพันธุ์ข้าวที่เป็นที่ต้องการของตลาด การสนับสนุนแนวทางการลดต้นทุนการผลิต และมาตรการเสริมต่างๆ เพื่อช่วยลดปัญหาการเผาไร่นา

ทั้งนี้กระทรวงพาณิชย์จะได้หยิบยกประเด็นต่างๆ เพื่อนำเสนอ และหารือในคณะกรรมการนโยบาย และบริหารจัดการข้าว (นบข.) ที่มีนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน เพื่อพิจารณามาตรการต่างๆ โดยเร่งด่วนต่อไป

สำหรับมันสำปะหลังมีแผนที่จะบูรณาการร่วมภาครัฐ และเอกชนในการขยายพันธุ์มันสำปะหลังที่สามารถต้านทานโรคใบด่างให้เพียงพอเพื่อลดการระบาด และเพิ่มปริมาณผลผลิต รวมทั้งขยายตลาดส่งออกใหม่เพิ่มเติมนอกเหนือจากตลาดจีน

 

 

พิสูจน์อักษร....สุรีย์  ศิลาวงษ์