5 ทูตพาณิชย์สหรัฐ ชี้โอกาสไทย คาด“ภาษีทรัมป์”มาตรการระยะสั้น

ทูตพาณิชย์สหรัฐ เผย หลังทรัมป์ประกาศขึ้นภาษี ชาวสหรัฐแห่ซื้อสินค้ากักตุน กังวลราคาสินค้าแพง ชี้ ภาษีทรัมป์ โอกาสสินค้าไทยทดแทนสินค้าจีน ขอผู้ประกอบการอย่าถอดใจ คาดมาตรการระยะสั้น
สถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ จัดสัมมนา “ถอดรหัสนโยบายภาษีทรัมป์: โอกาสของการค้ายุคใหม่” เมื่อวันที่ 25 เม.ย.2568
โดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดการสัมมนา และมีเสวนาสถานการณ์ตลาดสหรัฐภายหลังทรัมป์ประกาศนโยบาย โดยผู้อำนวยการส่งเสริมการค้าในต่างประเทศใน 5 เมืองใหญ่ของสหรัฐมาร่วมเวที
นางสาวสุภาวดี แย้มกมล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงวอชิงตัน กล่าวว่า นโยบายและมาตรการการค้าทรัมป์ 2.0 เน้นผลประโยชน์ของสหรัฐอันดับแรก โดยส่งเสริมการลงทุน การจ้างงานและการเติบภายประเทศ สร้างความได้เปรียบในอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ ลดขาดดุลการค้าและปรับความสัมพันธ์ให้เป็นธรรม
รวมทั้งเสริมสร้างความมั่นคงทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ รวมถึงความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐ-จีน เป็นที่มาที่ทรัมป์ขึ้นภาษีเป็นรายประเทศเมื่อวันที่ 2 เม.ย.2568 แบ่งการเก็บภาษีเป็น 3 กลุ่ม คือ 1.เก็บทุกประเทศยกเว้นแคนาดาและเม็กซิโก 2.จีน 3.แคนาดาและเม็กซิโก
นอกจากนี้ยังเก็บภาษีรายสินค้า เช่น เหล็กและอลูมิเนียม รถยนต์และชิ้นส่วนยานยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และพิจารณาสินค้านำเข้าภายใต้มาตรา 232 ถูกเก็บเพิ่มเติมจากมาตรการภาษีนำเข้าอื่นที่มีผลบังคับใช้แล้วแต่ไม่รวมภาษี Reciprocal รวมทั้งมีมาตรการอื่นเพื่อตอบโต้ผ่านมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี (NTBs)
ทั้งนี้ การปรับขึ้นภาษีเป็นทั้งโอกาสและความท้าทาย โดยยังเปิดโอกาสเพื่อแก้การบังคับใช้มาตรการทางภาษีที่เลื่อนบังคับใช้ไป 90 วัน โดยไทยใช้เวทีความร่วมมือทวิภาคีเจากับสหรัฐ เช่น กรอบความตกลงการค้าและการลงทุนไทย-สหรัฐ (TIFA)
“ผู้ประกอบการอย่าเพิ่งถอดใจในวิกฤติยังมีโอกาส สหรัฐเป็นตลาดอันดับ 1 ของไทยมีกำลังซื้อสูง และเชื่อว่ามาตรการภาษีเป็นเพียงระยะสั้น“
นางเกษสุรีย์ วิจารณกรณ์ ผู้อำนวนการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก กล่าวว่า หลังทรัมป์ขึ้นภาษีทำให้ผู้บริโภคอเมริกันซื้อสินค้าตุนเพราะกังวลว่าสินค้าจะมีราคาแพงขึ้น ซึ่งพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปมาจากความกังวลต่อเศรษฐกิจและชะลอการใช้จ่ายสินค้าที่ไม่จำเป็น และเปลี่ยนไปใช้สินค้าราคาประหยัดมากขึ้น รวมทั้งหันมาซื้อสินค้าที่ผลิตในสหรัฐมากขึ้น
ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยหนุนกำลังซื้อชาวอเมริกันจากอัตราว่างงงานไม่เพิ่มจากปีก่อน และช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ค่าแรงเติบโต 3.8% รวมทั้งประธานาธิบดีทรัมป์ประกาศนโยบายลดหย่อยภาษีเงินได้ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาของสภาคองเกรส
สำหรับผู้ประกอบการไทยควรวางแผนปรับตัวลดต้นทุนและพัฒนาสินค้า หาตลาดใหม่ทดแทน สร้างพันธมิตรเครือข่ายใหม่ในสหรัฐ พร้อมทั้งติดตามข่าวสารนโยบายภาษีใกล้ชิด และประสานงานภาครัฐในการช่วยส่งเสริมและประชาสัมพันธ์สินค้าในตลาดสหรัฐ
นายนิวัฒน์ หาญสวัสดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจริส กล่าวว่า ผู้บริโภคชาวอเมริกันอาการช๊อก และไปซื้อสินค้าเพื่อกักตุนสินค้า โดยเฉพาะสินค้าอาหาร เช่น ข้าว กะทิ อาหารกระป๋อง และร้านอาหารซื้อสินค้าตุนเพราะกังวลหลังภาษีขึ้นราคาสินค้าแพง และชั้นวางสินค้าในห้างบางแห่งหมดทำให้สินค้าบางรายการขาดตลาด โดยเฉพาะเครื่องปรุงรส เช่น ซีอิ้วขาว แต่หลังจากทรัมป์ประกาศเลื่อนไป 90 วันสถานการณ์กลับมาปกติ
ทั้งนี้วิกฤติยังมีโอกาส โดยเปลี่ยนการนำเข้าสินค้าจีนมาเป็นสินค้าไทยเพราะสินค้าจีนภาษีสูง จึงเป็นโอกาสที่ไทยจะส่งสินค้าไปทดแทน เช่น ผักผลไม้กระป๋องที่จีนโดนภาษี 100% จึงเป็นโอกาสสินค้าไทย รวมถึงสินค้าบรรจุภัณฑ์ติดต่อนำเข้าจากไทยเพิ่ม รวมทั้งสินค้าวัสดุก่อสร้าง กระเบื้อง พื้นไม้ แป้งข้าวโพด ซึ่งทำให้ครึ่งปีแรกการส่งอกอไปสหรัฐมีต่อเนื่อง
นางสุปรารถนา กมลเวชช ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก กล่าวว่า หลังขึ้นภาษีได้มีตัวแทนกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์สหรัฐ 6 กลุ่ม ที่เป็นตัวแทนผู้ผลิตรถ ผู้จัดจำหน่ายและซัพพลายเออร์รวมตัวยื่นเรื่องต่อทีมบริหารของทรัมป์ขอให้ผ่อนคลายมาตรการภาษี 25% สำหรับสิบสินค้าชิ้นส่วนยานยนต์นำเข้า ทำให้ทรัมป์กำลังพิจารณายกเว้นภาษีบางรายการ
ทั้งนี้ การเลือกตั้งที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ชัยชนะจากรัฐมิชิแกน ได้เปลี่ยนจากรัฐที่เคยเป็นฐานเสียงของพรรค Democrat มาเป็นพรรค Republican จึงน่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ทรัมป์และทีมบริหารพิจารณาผ่อนปรนมาตรการภาษีในกลุ่มสินค้ายานยนต์ ซึ่งจะดีต่อไทยที่เป็นผู้ส่งออกสินค้ายานยนต์ไปสหรัฐมูลค่าสูง
นายชวนล ผิวนิล ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองไมอามี กล่าวว่า หลังสหรัฐขึ้นภาษีจีนทำให้สินค้าไทยมีโอกาสขยายตัว อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก โดยมีบริษัทในสหรัฐติดต่อให้หาสินค้าทดแทนทั้งในสหรัฐและตลาดลาติน เพราะไทยเป็นผู้ผลิตหลักในเอเชียและเป็นสินค้าที่คุณภาพ
ขณะเดียวกันยังมีสินค้าเฟอร์นิเจอร์ ผลไม้แปรรูป อาหารกระป๋อง อบแห้ง อาหารสัตว์ อุปกรณ์เลี้ยงสัตว์ ถุงมือยาง อุปกรณ์ทางการแพทย์ สายยางสินค้าแฟชั่น รองเท้า สินค้าเครื่องใช้เดินทาง กระเป๋าถือ กระเป๋าหนัง ข้าวหอมมะลิ เครื่องปรุงรส
นอกจากนี้ยังมีกลุ่มชิ้นส่วนยานยนต์ แบตเตอรี่ ล้อรถยนต์เนื่องจากสหรัฐยังนำเข้า เพราะยังไม่มีอุตสาหกรรมที่แข่งแกร่งในผลิต อีกหนึ่งเชกเตอร์ที่สนใจคือ กลุ่มอุตสาหกรรมเกมส์ ตุ๊กตาแฟชั่น อุปกรณ์กีฬา เครื่องตกแต่งบ้าน สินค้าครัวเรือน