บีโอไอ ชงบอร์ด พ.ค.นี้ ปรับแผนดึงลงทุน สกัดสินค้าสวมสิทธิ์ส่งออก

“บีโอไอ” เสนอบอร์ด เดือน พ.ค. นโยบายปรับปรุงมาตรกาดึงลงทุน สอดคล้องข้อกำหนดในการเจรจาการค้าสหรัฐฯ หลังพิชัยให้นโยปรับการลงทุน ใช้ Local Content มากขึ้น
รัฐบาลไทยกำลังปรับทิศทางนโยบายส่งเสริมการลงทุนให้สอดคล้องกับบริบทเศรษฐกิจโลกและแรงกดดันจากต่างประเทศ โดยเฉพาะกรณีที่สหรัฐอเมริกาแสดงความกังวลเรื่องการ “สวมสิทธิ์” แหล่งกำเนิดสินค้า หรือการอ้างแหล่งผลิตไม่ถูกต้องเพื่อส่งออกไปยังสหรัฐฯ ซึ่งอาจนำไปสู่การตอบโต้ทางการค้าหรือการตัดสิทธิพิเศษทางภาษี แนวโน้มนี้ทำให้ไทยจำเป็นต้องปรับนโยบายการส่งเสริมการลงทุนให้มีมาตรการคุมเข้มมากขึ้น
นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ปรับยุทธศาสตร์การให้สิทธิประโยชน์การลงทุนใหม่ เพื่อให้สอดรับกับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเฉพาะการป้องกันการใช้ไทยเป็นทางผ่านในการเลี่ยงภาษีนำเข้าสหรัฐฯ ซึ่งเป็นหนึ่งในข้อห่วงกังวลสำคัญจากฝ่ายสหรัฐ รัฐบาลจึงต้องเพิ่มความเข้มงวดในการตรวจสอบคุณภาพและมาตรฐานของสินค้า
ในอนาคต การให้สิทธิประโยชน์ด้านการลงทุนจะต้องมีเงื่อนไขที่รัดกุมมากขึ้น ตัวอย่างเช่น ผู้ผลิตรถยนต์ที่เข้ามาตั้งโรงงานในไทยจะต้องใช้วัตถุดิบภายในประเทศ (Local Content) ในสัดส่วนที่สูงขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนจะต้องกระจายตลาดส่งออกไปยังประเทศอื่น เพื่อลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ
นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการบีโอไอ ระบุว่าบีโอไอ กำลังเตรียมนำเสนอมาตรการใหม่ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บอร์ดบีโอไอ) ภายในเดือนพฤษภาคมนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ผ่านมาบีโอไอให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้ Local Content อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ผลิตในประเทศ โดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ได้รับประโยชน์จากการลงทุนโดยตรง (FDI) ที่เข้ามาจัดตั้งฐานการผลิตในไทย นโยบายดังกล่าวถูกนำมาใช้ในหลายอุตสาหกรรม รวมถึงการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ภายใต้โครงการส่งเสริม EV 3 และ EV 3.5 ที่กำหนดให้มีการผลิตชิ้นส่วนหลักในประเทศไทยไม่น้อยกว่า 30% เช่นเดียวกับการผลิตรถยนต์ไฮบริด (HEV และ MHEV) ที่มีเงื่อนไขด้านการผลิตชิ้นส่วนในประเทศเช่นกัน
นอกจากนี้บีโอไอได้มีการหารือกับกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เพื่อส่งเสริมให้ค่ายรถยนต์ใช้ชิ้นส่วนที่ผลิตโดยบริษัทไทยมากขึ้น ผ่านโครงการสนับสนุน “Thai Content” เพื่อผลักดันให้ผู้ผลิตในประเทศสามารถขยายตลาดและเพิ่มการผลิต
ทั้งนี้ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้ผู้ผลิตไทยก้าวสู่ห่วงโซ่อุปทานระดับโลก (Global Supply Chain) BOI ยังดำเนินมาตรการเสริมหลายด้าน เช่น การจัดกิจกรรมจับคู่ธุรกิจ (Business Matching) การจัดหาผู้ผลิตชิ้นส่วน (Sourcing Service) การสนับสนุนการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าอุตสาหกรรมนานาชาติ และการจัดสัมมนาเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย