มุมมองการลงทุนครึ่งปีหลัง 2022 ตอนที่ 2

จากครั้งที่แล้วที่ได้เห็นภาพใหญ่ในเรื่องของเศรษฐกิจและการลงทุนที่น่าสนใจในครึ่งปีหลังปี 2022 เราจะมาต่อกันในประเด็นที่น่าสนใจที่เหลือ

2.การลงทุนในช่วงเงินเฟ้อสูง

เงินเฟ้อที่สูงเป็นประวัติการณ์ในรอบกว่า 40ปี เป็นประเด็นที่กดดันภาพการลงทุนมากที่สุดในปีนี้ เงินเฟ้อที่สูงดูจะเป็นเรื่องใหม่สำหรับนักลงทุนส่วนมากโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศพัฒนาแล้วแต่อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่สำหรับตลาดเกิดใหม่ที่มักมีอัตราเงินเฟ้อที่สูงเป็นปกติ ทั้งนี้จากมุมมองของจูเลียส แบร์ ได้ปรับเพิ่มประมาณการณ์ของตัวเลขเงินเฟ้อโลกในปีนี้ขึ้นมาที่ระดับ 7.5% เพิ่มขึ้นจากประเด็นเรื่องสงครามในยูเครนที่เกิดการคว่ำบาตรส่งผลต่อห่วงโซ่อุปทานและการลดความเชื่อมโยงความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจ (Deglobalization) ซึ่งจะยังคงส่งผลให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ยังอยู่ในระดับสูง

การที่เงินเฟ้อจะปรับตัวลงได้นั่นหมายถึงประเด็นเหล่านี้จะคลี่คลาย อย่างไรก็ตามเรายังเชื่อว่าปัจจัยเหล่านี้ได้ส่งผลอย่างมากไปแล้วในครึ่งปีแรกเราคาดว่าหลังจากนี้เงินเฟ้อจะชะลอลงมาที่ระดับ 3.5%ในปีหน้า โดยปัจจัยที่เราเชื่อว่าในระยะยาวเงินเฟ้อจะลดลงนั้นมาจากทั้งการที่เศรษฐกิจจะลดการเติบโตลง ปัจจัยด้านเทคโนโลยีที่ช่วยลดต้นทุนและเพิ่มการผลิต การลงทุนในช่วงที่เงินเฟ้อสูงเรายังมองว่า Real asset อย่างหุ้นนั้นยังได้ประโยชน์แม้จะมีความเสี่ยงจากการปรับลดของระดับ valuation ทำให้ต้องให้น้ำหนักกับบริษัทที่มีอำนาจในการตั้งราคา สามารถที่จะรักษาอัตราส่วนกำไรโดยการผลักดันต้นทุนที่สูงไปที่ราคาสินค้าและบริการได้ ตัวอย่างเช่นเหมืองแร่ โครงสร้างพื้นฐาน และกลุ่มการเงินที่ได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยที่สูง

3.อัตราผลตอบแทนจากตราสารหนี้กลับมาสูงอีกครั้ง

ตราสารหนี้ได้รับผลกระทบจากการปรับเพิ่มขึ้นของคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยตามทิศทางเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเช่นเดียวกับอัตราผลตอบแทนที่แท้จริงที่เริ่มกลับมาเป็นบวกครั้งแรกนับตั้งแต่การระบาดของ Covid-19 ส่งผลต่อราคาตลาดของตราสารหนี้ปรับตัวลงอย่างมากในปีนี้ โดยตราสารหนี้ให้ผลตอบแทนติดลบกว่า 10% แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 1788 ขณะที่ความกังวลด้านเศรษฐกิจถดถอยก็ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยระหว่างพันธบัตรรัฐบาลกับหุ้นกู้เอกชนกว้างขึ้นอย่างมาก

ทั้งนี้เราคาดการณ์ว่าอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ มีโอกาสปรับตัวขึ้นอีกไม่มาก ทำให้ ณ ปัจจุบัน ตราสารหนี้กลับมามีความสนใจในการลงทุนมากขึ้น เราเริ่มให้ความสนใจด้วยระดับอัตราผลตอบแทนที่สูงขึ้นจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีสำหรับตราสารหนี้อีกครั้ง โดยนักลงทุนอาจจะยังไม่ต้องรีบเข้าลงทุนในพันธบัตรระยะยาวเพราะอาจจะยังมีความเสี่ยงที่ยีลด์ปรับตัวสูงขึ้น แต่กลุ่มที่น่าสนใจในช่วงนี้คือหุ้นกู้เอกชนคุณภาพดีที่อยู่ระหว่างระดับ Investment grade และ High yield ในสหรัฐฯ ทั้งนี้นักลงทุนควรเลือกพิจารณาหุ้นกู้รายบริษัทอย่างถี่ถ้วนเป็นรายบริษัทจะเป็นวิธีที่ปลอดภัยกว่า นอกจากนี้การเพิ่มขึ้นของอัตราดอกเบี้ยยังช่วยให้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่มีความซับซ้อนที่ปกป้องเงินต้นสามารถให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจมากขึ้น

4. Next generation Theme พลังงานสะอาดยังคงเป็นสิ่งสำคัญ

จากปัญหาด้านการขาดแคลนพลังงานในปีที่ผ่านมาผนวกกับภาวะสงครามระหว่างยูเครนและรัสเซียที่นำไปสู่การคว่ำบาตรทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง หลากหลายประเทศเร่งที่จะปรับตัวในด้านการใช้พลังงานโดยเฉพาะยุโรปที่ให้ความสำคัญกับการผลิตพลังงานโดยการใช้พลังงานสะอาดเช่น พลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์มากขึ้น เพื่อให้มีความมั่นคงทางพลังงานมากขึ้น

โดยที่ผ่านมารัฐบาลในกลุ่มประเทศยุโรปให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่องแต่ต้องยอมรับว่ายังคงช้ากว่าที่คาดการณ์ไว้จากการติดขัดทั้งในเรื่องต้นทุนวัตถุดิบที่สูงขึ้นในการผลิตอุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องรวมถึงกระบวนการที่ล่าช้าในโครงการขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามคาดว่าปัญหาเหล่านี้จะได้รับการแก้ไขและทำให้พลังงานสะอาดจะกลายเป็นเป็นพลังงานหลักในภูมิภาคยุโรปในช่วงข้างหน้า ทำให้การปรับตัวลงของราคาหุ้นกลุ่มสาธารณูประโภคหรือ Utility ในช่วงที่ผ่านมามีความน่าสนใจในการลงทุน

นอกจากนี้กลุ่ม Digital Health ยังคงมีการวิจัยค้นคว้าและพัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ด้วยเทคโนโลยีที่มีความก้าวหน้ามากขึ้นและถูกนำมาใช้ในอุตสาหกรรมการแพทย์มากขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้เรามองว่ากลุ่มนี้เองมีความน่าสนใจลงทุนระยะยาวและสอดคล้องกับมุมมองเชิงบวกต่อกลุ่ม Healthcare ที่เราแนะนำในภาพใหญ่ในบทความครั้งที่แล้ว

ทั้งนี้ผู้ที่สนใจจะลงทุนควรติดต่อเพื่อสอบถามและรับข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ผู้แนะนำการลงทุนของท่านเพื่อศึกษารายละเอียดและเฟ้นหาการลงทุนที่เหมาะสมกับท่าน