Metaverse “ฉบับประชาชน” | วรากรณ์ สามโกเศศ
ในปีสองปีมานี้ดูผู้คนจะฉงนกับคำว่า “Metaverse” กันมาก สงสัยว่ามันคืออะไร และมีผลกระทบต่อชีวิตของตนเองอย่างไร และอยากเห็นตัวอย่างที่ชัด ๆ มิใช่คำอธิบายที่เป็นเทคนิค วันนี้จึงขอพยายามนำเสนอแบบ “ไม่ต้องแบกกระไดมาอ่าน” ครับ
ถาม ถ้าตอบแบบสั้น ๆ เกี่ยวกับ metaverse เพื่อให้พอเข้าใจได้จะว่าอย่างไร?
ตอบ metaverse คือเทคโนโลยีใหม่ด้านไอทีที่กำลังพัฒนาแข่งกันอยู่โดยหลายบริษัทใหญ่ของโลก ยังไม่เสร็จสมบูรณ์
พูดง่าย ๆ ก็คือคล้าย Facebook ที่เป็นสามมิติ แทนที่จะเพียงพูดคุยกันเป็นตัวอักษรและคำพูด แต่จะไปอีกขั้นหนึ่งคือพูดจาโต้ตอบกันอย่างเห็นหน้าตากันเหมือนจริง มีปฎิสัมพันธ์กัน สัมผัสกันได้ เดินคุยกันได้แบบในโลกเราจริง ๆ เพียงแต่มันเป็น “โลกเสมือน”
ที่ว่าเป็น “โลกเสมือน” ก็คือตัวเรามิได้ไปปรากฏตัวจริง ๆ หากพบปะกันมีปฏิสัมพันธ์กันผ่าน “ตัวละคร” เฉพาะของแต่ละคน ดังที่เรียกว่า avatar (ร่าง ‘อวตาร’ ดังที่เรารู้จักกันในภาษาไทย) ผู้ใช้ metaverse ต้องใช้อุปกรณ์แว่นตาอันใหญ่เพื่อเข้าไปใน “โลกเสมือน” นี้
ถาม จะเข้าไปใช้เทคโนโลยี metaverse นี้ได้อย่างไร?
ตอบ metaverse ก็คือแอพพลิเคชั่นอันหนึ่งที่ผู้คนสามารถเข้าไปใช้ได้โดยต้องมีอุปกรณ์แว่นตาและ อุปกรณ์โทรคมนาคมที่ทันสมัยเพราะ metaverse ทำงานบนโครงสร้างพื้นฐานไอทีใหม่ที่เรียกว่า Web 3.0
เรามีแอพพลิเคชั่นชนิดเข้าไปฟังเพลง อ่านข่าว และชนิดแพลตฟอร์ม เช่น Line หรือ Facebook สำหรับ metaverse นั้นเป็นแอพพลิเคชั่นชนิดแพลตฟอร์มกล่าวคือบรรดาคนที่ใช้สามารถโต้ตอบเชื่อมโยงข้อมูลถึงกันได้ แบบสามมิติ
ดังนั้นขณะนี้ metaverse เป็นแอพพลิเคชั่นก้าวหน้าชนิดหนึ่ง ที่พูดอย่างนี้เพราะในอนาคตมันอาจพัฒนาเป็นสิ่งมาทดแทนระบบอินเตอร์เน็ตทั้งหมดก็เป็นไปได้
ทุกบริษัทใหญ่ที่เร่งแข่งกันพัฒนา metaverse เพื่อเป็นแอพพลิเคชั่นให้คนเข้ามาใช้ อาศัยเทคโนโลยีสำคัญอย่างน้อย 2 อย่างคือ Virtual Reality (VR) กับ Augmented Reality (AR) ที่มีมานานพอควรแล้ว
VR คือการสร้าง “โลกเสมือน” โดยจะให้มันมีสีสรรสวยงามอย่างไร มีหน้าตาอย่างไร มีเสียงประกอบไพเราะอย่างไร มีสิ่งของและผู้คนปรากฏอย่างไรเทคโนโลยี VR ทำได้ทั้งนั้น
พูดง่าย ๆ ก็คือสร้างโลกใหม่มาแทนที่โลกจริง ใน metaverse เจ้าตัวแทน หรือ “อวตาร” ของเราซึ่งจะให้มีหน้าตาเหมือนเราก็ได้เคลื่อนไหว พูดจา มองเห็นและได้ยินผ่านการควบคุมของผู้ใช้คือเรา โดยใช้ถุงมือวิเศษประกอบอุปกรณ์แว่นตาตลอดจนเครื่องมือที่ทำงานด้วยเสียง ควบคุมและติดตามการเคลื่อนไหวดวงตาของเรา
เพื่อให้ทุกอย่างไปสะท้อนใน “อวตาร” ของเราอย่างใกล้เคียงโลกจริงอย่างที่สุด เราพูดออกไปเสียงก็ผ่าน “อวตาร” ออกไป เราเดินเคลื่อนไหวไปได้รอบทิศโดยการควบคุมของเราโดยใช้ “อวตาร” เป็นตัวแทน
ส่วน AR นั้นคือเทคโนโลยีที่ไปขยายขอบเขตของโลกจริง เช่น เมื่อตามองตึก ข้อมูลก็จะปรากฏขึ้นมาให้เห็นว่ามีอายุเท่าใด สร้างโดยใคร ใครเป็นเจ้าของ ฯลฯ ใน metaverse ซึ่งมีทั้ง VA และ AR ปนกัน เมื่อ “อวตาร” ของมิตรใหม่ปรากฏ AR ก็จะให้ข้อมูลบนจอของเราว่าชื่ออะไร อายุเท่าใด มีแฟนหรือยัง มีประวัติเป็นมาอย่างไร เราเคยพบมาก่อนหรือไม่ ฯลฯ
ถาม คราวนี้มาถึงตัวอย่างและประโยชน์ในโลกจริง
ตอบ ตัวอย่างแรกคือเรื่องของการศึกษา metaverse สร้างห้องเรียนที่น่าตื่นเต้นให้เด็กสนใจอย่างไรก็ได้โดยผสมภาพจริงกับสร้างที่สิ่งเสมือนขึ้น ห้องเรียนนี้คนทั้งโลกเข้ามาเรียนได้ไม่มีจำกัด มีครู “อวตาร” ที่เป็นเลิศ พูดภาษาอะไรออกมาก็มีการแปลเป็นภาษาที่ต้องการทันที
เด็กเข้ามานั่งฟังและลุกเดินไปมาในห้องคุยกับเพื่อนได้ หากเป็นวิชาประวัติศาสตร์ก็เรียนกันในสถานที่จริงโดยผู้เรียนสัมผัสแบบสามมิติได้ซึ่งจะทำให้เกิดประสบการณ์การเรียนรู้ที่ดื่มด่ำอย่างยิ่งอย่างเหมาะสมต่อการเรียนรู้ หากเบื่อก็ไปเรียนอีกห้องที่อยู่อีกซีกโลกได้โดยไม่ต้องเดินทาง
ตัวอย่างที่สอง คือ ธุรกิจขายและเช่าบ้าน บริษัทไปเปิดในพื้นที่ของบริษัทผู้สร้าง metaverse มีอาคารเสมือนที่น่าเชื่อถือ มี “อวตาร” เซลศืแมนระดับเทพและมีลูกค้า “อวตาร” จากทุกมุมโลกเดินเข้าไปรับบริการ
คนขายก็พาชมทุกบ้านที่มีอยู่โดยเห็นทุกบ้าน ทุกห้องแบบสามมิติอย่างเสมือนจริง AR ก็จะให้ข้อมูลประกอบตลอดเวลา เมื่อลูกค้าเห็นของจริงในโลกเสมือนแล้วก็ตัดสินใจได้เลย ธุรกิจมีโสหุ้ยน้อย จ่ายเงินกันด้วยเงินคริปโตเพื่อรับบริการจริง
ทุกธุรกิจและทุกสินค้าสามารถใช้ metaverse เป็นตัวสร้างแบรนด์ สร้างยอดขาย สร้างกำไรด้วยต้นทุนที่ต่ำ ไม่ต้องลงทุนสร้างอาคารสำนักงาน แค่ซื้อพื้นที่ใน metaverse ก็ทำธุรกิจได้แล้ว
ถาม ธุรกิจด้านใดที่จะไปได้ดีมากในตอนแรก
ตอบ metaverse ที่สมบูรณ์แบบยังไม่เกิดขึ้น มีแต่การทดลองเป็นจุดๆ มีการแข่งขันกันพัฒนาฮาร์ดแวร์และแพลตฟอร์มของตนเอง ที่สำคัญคืออุปกรณ์แว่นตายังหนักไม่เหมาะต่อการใส่นาน ๆ และมีราคาแพง อุปกรณ์ประกอบอื่น ๆ ก็เร่งพัฒนา ธุรกิจบันเทิงจะไปอย่างเร็วมาก
ลองคิดดูจะตื่นเต้นแค่ไหนที่เห็นภาพยนตร์ใหญ่มีเวอร์ชั่นปกติที่โป๊อยู่แล้วกับเวอร์ชั่นในแพลตฟอร์ม metaverse ที่สามารถเห็นแบบสามมิติเสมือนเข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หรือดูฟุตบอลโลกอย่างเห็นจริงจังมากโดยไม่ต้องเดินทางไปดู
ผู้คนสามารถประกอบธุรกิจกันได้เสมือนอยู่ในโลกจริงแต่สินค้าที่ได้รับนั้นเป็นของจริง นอกจากนี้ก็ไปมาหาสู่กันได้ จัดปาร์ตี้วันเกิด ปาร์ตี้กัญชากระท่อม งานแต่งงาน งานสวดศพ ฯลฯ ได้ทั้งนั้นโดยไม่ต้องเดินทางจริงแต่ได้รับประสบการณ์เสมือนจริงหากแต่เสียเงินจริง
การรู้ว่าเมื่อใดอยู่ในโลกจริงและเมื่อใดอยู่ในโลกเสมือนนั้นเป็นเรื่องสำคัญ คนที่เล่นพนันเสียเงินจริงในบ่อนออนไลน์ซึ่งแท้จริงแล้วก็คือโลกเสมือน (เพราะเขาบังคับให้ผลการเล่นเป็นอย่างใดก็ได้) หมดตัวเอาได้ง่าย ๆ เพราะจริง ๆ แล้วมันก็คือการต้มตุ๋นเราดี ๆ นี่เอง.