VISA สำหรับ Digital Nomad อีกโอกาสเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจไทย
ไม่เพียงแต่กฎหมายยกเว้นภาษีกำไรจากการลงทุน (Capital Gain Tax) สำหรับธุรกิจสตาร์ทอัพที่เริ่มมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ตั้งแต่เดือนที่แล้วรัฐบาลยังคงอยู่ระหว่างการออก VISA พิเศษสำหรับ Digital Nomad โดยคาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือนกันยายนนี้
Digital Nomad สำหรับกรณีนี้คือชาวต่างชาติที่เลือกประเทศไทยเป็นสถานที่สำหรับพำนักพักพิงเพื่อการทำงานผ่านระบบดิจิทัล(วิดีโอคอนเฟอเรนซ์,อีเมล์ฯลฯ)โดยที่มีลูกค้านายจ้างและเพื่อนร่วมงานที่กระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกมุมโลก
Digital Nomad ต้องถือเป็นทางเลือกใหม่และเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วเมื่อเทคโนโลยีดิจิทัลเปิดโอกาสให้ทุกคนสามารถทำงานจากที่ไหนก็ได้โดยที่ไม่มีข้อจำกัดว่าจะต้องอยู่ในสถานที่จังหวัดหรือกระทั่งประเทศเดียวกัน
ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับต้นๆของโลกที่ Digital Nomad ให้ความสนใจสูงสุดด้วยสาเหตุที่คงไม่แตกต่างจากการที่ประเทศไทยก็เป็นประเทศอันดับต้นๆ ของโลกในด้านการท่องเที่ยวเช่นกันและในปัจจุบันก็มีชาวต่างชาติที่มาใช้ชีวิตเป็น Digital Nomad อยู่เป็นจำนวนมากแล้วโดยได้กระจัดกระจายอยู่ทั่วประเทศไทยตามพื้นที่ที่ชาวต่างชาตินิยมมาอาศัยอยู่ในระยะกลางและยาว
VISA พิเศษสำหรับ Digital Nomad จะมีอายุ10ปีและสามารถต่ออายุได้ไม่ต้องไปรายงานตัวทุกไม่กี่สัปดาห์นอกจากนี้ Digital Nomad ก็จะไม่ต้องเสียภาษีในประเทศไทยถึงแม้ว่าจะอาศัยอยู่ในประเทศไทยเป็นเวลาหลายเดือนต่อปีก็ตามและยังให้สิทธิ์ต่อคู่ครองและบุตรอีกด้วย
จึงคาดคะเนได้ว่าเศรษฐกิจของไทยจะมีโอกาสได้รายรับจาก Digital Nomad คู่ครองและบุตรที่จะเข้ามาพำนักอยู่ในประเทศไทยอย่างถูกต้องตามกฎหมายด้วยมาตรการสนับสนุนนี้ในปริมาณที่ไม่น้อยจนถึงขั้นที่อาจเรียกได้ว่าจะเป็นอีกโอกาสหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจไทยในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านี้
ก่อนหน้านี้ Digital Nomad ต้องหาทางเข้ามาพำนักพักพิงในประเทศไทยเองด้วยVISAที่อาจไม่ถูกประเภทไม่ได้รับความสะดวกสบายและไม่ได้รับมาตรการสนับสนุนในด้านต่างๆดังเช่นสิทธิประโยชน์ใน VISA พิเศษสำหรับ Digital Nomad
อย่างไรก็ดี ข้อจำกัดที่สำคัญของ VISA พิเศษสำหรับ Digital Nomad นี้ คือ ผู้ที่จะขอ VISA นี้ได้จะต้องเป็นลูกจ้างของบริษัทในต่างประเทศที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์หรือมีรายได้ขั้นต่ำ 150 ล้านดอลลาร์ ใน 3 ปีสุดท้าย และยังมีข้อกำหนดเรื่องรายได้ขั้นต่ำของผู้ที่จะขอ VISA นี้อีกด้วยจึงเป็นการปิดกั้นโอกาสสำหรับ Digital Nomad ที่เป็นผู้ประกอบอาชีพอิสระและ Gig Worker ซึ่งก็เป็นอีกส่วนที่สำคัญ
สำหรับ Digital Nomad และเป็นอีกส่วนที่สำคัญสำหรับระบบนิเวศทางดิจิทัล อาทิเช่น Gig Economy-เข้าใจว่าเป็นข้อจำกัดทางกฎหมายที่จะต้องผลักดันกันต่อไปหากจะให้ผู้ประกอบอาชีพอิสระสามารถขอ VISA พิเศษสำหรับ Digital Nomad ได้ทั้งยังอาจมีความจำเป็นที่จะต้องบาลานซ์กับการที่ Digital Nomad เหล่านี้จะต้องมาประกอบอาชีพของคนไทย
นี่เป็นเพียงอีกหนึ่งตัวอย่างของการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายและกฎหมายในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาเพื่อส่งเสริมและฟื้นฟูเศรษฐกิจไทยทั้งยังเป็นการพัฒนาระบบนิเวศทางดิจิทัลอีกด้วย