ดูให้แน่ก่อนว่ายังเชื่อถือได้ | บวร ปภัสราทร
ในวันที่เป็นยุคเข็ญ คนที่เคยไว้ใจได้แปรเปลี่ยนกันมากมาย ด้วยความจำเป็นนานาประการ กลายเป็นบทเรียนที่เจ็บปวดสำหรับคนทุ่มเททำงานมากมายหลายคน
วันนี้ถ้าจะทุ่มเทให้กับใคร ขอให้ดูให้แน่ ๆ ก่อนว่าคนนั้นยังเป็นคนที่เราเชื่อมั่นได้อย่างเต็มที่ เหมือนกับที่เคยเป็นมาแต่ก่อนหรือไม่
มนุษย์ทุกคนมีสัญชาตญาณในการเอาตัวรอด ในวันที่ภัยคุกคามนานาประการมาถึงตัว ผู้บริหารที่เคยน่าเชื่อถือ อาจกลายเป็นคนหนีเอาตัวรอดด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา โดยเฉพาะเมื่อมีความจำเป็นที่เขาไม่อาจหลีกเลี่ยง เราไม่อาจยกเป็นความผิดที่เขาละทิ้งความน่าเชื่อถือที่เคยมีมา หันไปทำอะไรที่เห็นชัดว่าตะแบงหลักการไปอย่างชัดเจน ผู้บริหารในสถานการณ์นั้นอาจมีความจำเป็นที่ไม่อาจบอกล่าวใครได้
สิ่งที่จะเกิดขึ้นเมื่อผู้บริหารที่เคยน่าเชื่อถือแปรเปลี่ยนไป มีสามประการ
ประการแรก เขาจะตะแบงหลายเรื่องไปจากหลักการ เพื่อรักษาหน้าของเขาไว้ เขาเริ่มนอกตำราเพื่อแก้ตัว หรือเพื่อให้ได้หน้าเมื่อใด เมื่อนั้นอีกหลายอย่างที่แย่ ๆ กำลังจะตามมา
ผู้บริหารที่เคยทำตัวเหมือนเป็นครูบาอาจารย์จะใช้ตำราเพื่อบิดเบือนความจริงที่เกิดขึ้น เราพลาดพลั้งเมื่อใด ไม่สามารถคาดหวังการช่วยเหลือใด ๆ จากผู้บริหาร เพราะวันนั้นหน้าเขาสำคัญกว่าความย่ำแย่ที่เกิดขึ้นกับเรา
ประการที่สองที่คือ ความเด่นดังสำหรับตัวเขามาก่อนเรื่องอื่นใด ไม่ว่าจะต้องจ่ายแค่ไหน เขาจะทุ่มเทจ่ายมากขึ้นอย่างไม่มีเหตุผลเพื่อให้ได้มาซึ่งความเด่นดังของตัวเขา ทุ่มเงินองค์กรไม่ใช่เพื่อความเด่นดังขององค์กร แต่เพื่อให้ตนเองเด่นดัง
แม้ว่างานที่เราทุ่มเททำไปนั้นเสริมความเด่นดังของเขาได้ ก็ไม่อาจหวังว่าจะได้การรับรองใด ๆ ว่าความเด่นดังนั้นส่วนหนึ่งมาจากการทุ่มเทอย่างเต็มกำลังของคนทำงาน การรับรองหากจะมีขึ้นได้ก็ไม่ต่างไปจากการปิดทองใต้ฐานพระ
ประการที่สาม ความดีความชอบและผลตอบแทนที่เคยแบ่งปันกันในทีม กลับถูกยึดไปเป็นของผู้บริหารแต่เพียงคนเดียว เราทุ่มเทเพื่อให้ได้ผลงานที่ดีของทีม แต่ความดีความชอบและผลตอบแทนไม่มาถึงทีมเลย นายใหญ่กวาดเข้าตัวเองหมด ในทางตรงข้าม ถ้ามีความผิดพลาดบกพร่องใด ๆ ขึ้นมา นายใหญ่ส่งตรงมาที่คนทำงานทั้งหมด ไม่ช่วยเป็นเกราะกำบังทุเลาผลเสียหายที่อาจเกิดขึ้นแต่อย่างใด
คงไม่ดีแน่ถ้าทุ่มเททำงานไปแล้ว ผลที่เกิดขึ้นกลายเป็นแบบที่กล่าวมา รู้ตัวก่อนอย่างน้อยก็ยังทำใจรอรับผลตอบแทนที่ไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ก่อนได้
ดังนั้นขอให้ลองสังเกตดูหน่อยเถอะว่าคนที่เราเคยเดินหน้าทำงานเคียงข้างกันได้อย่างสบายใจนั้น ยังคงเส้นคงวากับการบอกกล่าวเรื่องการงานต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างโปร่งใสหรือไม่ คนที่กำลังจะเปลี่ยนไปจะเริ่มมีลับลมคมใน เริ่มพยายามปกปิดบางอย่าง แม้ว่าจะปิดไม่มิดก็ตาม คนที่น่าเชื่อถือยืนอยู่คู่กับความโปร่งใสเสมอ
จากเดิมที่เคยรับฟังความคิดความเห็นในการงานต่าง ๆ ของคนร่วมงาน จะเริ่มสร้างขั้นตอนมากขึ้นในการให้แสดงความคิดเห็น เริ่มใช้อำนาจตามบทบาทหน้าที่มา โต้แย้งความคิดเห็นที่แตกต่างไปจากความคิดเห็นของตน เริ่มให้ความสำคัญกับเสียงเชียร์มากกว่าเสียงเตือนที่ชี้ให้เห็นความบกพร่องของงานที่เกิดขึ้น เสียงคนทำงานดูเหมือนเสียงนกเสียงกาไปแล้ว
จากเดิมที่เคยกระจายอำนาจการตัดสินใจให้กับคนทำงาน จะเริ่มรวบอำนาจกลับมาที่ตนเอง เริ่มเกรงว่าการตัดสินใจของคนทำงานจะไปในทางที่ต่างไปจากที่ตนต้องการ การงานจะเริ่มมีคณะกรรมการเพิ่มมากขึ้น และที่แน่นอนที่สุดคือนายใหญ่จะเป็นประธานกรรมการที่ตั้งขึ้นมานั้น เพื่อกำกับให้การตัดสินใจเป็นไปเฉพาะในทางที่ตนต้องการ
ที่เปลี่ยนไปอย่างชัดเจนที่สุดคือ ความคงเส้นคงวาในการปฏิบัติตน เคยส่งเสริมให้คนแสดงฝีมือกันเต็มที่ จะกลายเป็นการกีดกันไม่ให้ได้แสดงความสามารถ เคยให้ความสำคัญกับการสร้างผู้นำมาทดแทนตนเอง กลายเป็นการดับดาวรุ่งด้วยนานาหนทาง
เปลี่ยนการปฏิบัติราวกับว่าเป็นคนละคน ถ้าเป็นยามปกติคงไม่มีอะไรที่ทำให้อยู่ๆ ผู้บริหารที่เคยเป็นที่น่าเชื่อถือจะเปลี่ยนแปลงไป เราไม่อาจรู้เบื้องหลังของการเปลี่ยนแปลงนั้น แต่การทุ่มเททำงานจนสุดแรงกับคนที่ไว้ใจไม่ได้ผลที่ได้จะไม่แตกต่างไปจากนิทานชาวนากับงูเห่า
คอลัมน์ : ก้าวไกลวิสัยทัศน์
รศ.ดร.บวร ปภัสราทร
คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ
มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี